svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

ออลล์ อินสไปร์ คาดเข้าเทรด mai พ.ค.62

บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 18,250 ล้านบาท เผยรายได้รวมปีที่ผ่านมา 2,343 ล้านบาท พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 150 ล้านหุ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนไปใช้เพื่อเป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ วางเป้าหมายก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัท ออลล์ อินสไปร์ฯ เติบโตด้วยความแตกต่างอย่างมีสไตล์โดยให้ความสำคัญกับ ราคา ทำเล และดีไซน์ ภายใต้แนวคิด Class of Living "ชีวิตที่มีระดับคือชีวิตที่คุณเลือกเอง"ทำให้ทุกโครงการของบริษัทเป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าและนักลงทุน โดยในปี 2561 มีรายได้รวม 2,343 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 1,978 ล้านบาท ธุรกิจนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 204 ล้านบาท และรายได้อื่นมูลค่า 160.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84%, 9% และ 7% ตามลำดับ ทั้งนี้บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) จำนวน 11 โครงการ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 มูลค่าประมาณ 6,354 ล้านบาท

ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,250 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (HighRise) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ทำเล ทองหล่อ 12 ทองหล่อ 16 และโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย (ImpressionEkkamai)โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์(Low Rise) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ทำเล ลาดพร้าว - สุทธิสาร 20 มิถุนาแยก 5 และลาซาล83


ขณะที่ไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทเปิดขายไปแล้ว 2 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 1 โครงการที่ทำการตลาดต่อเนื่องมาจากปีก่อน นั่นคือ โครงการ เดอะ วิชั่นลาดพร้าว นวมินทร์ Phase 1 ทาวน์โฮม 3 ชั้น ที่ฉีกทุกกฎทาวน์โฮม เหมาะสำหรับชีวิตคนเมือง จำนวน 199 ยูนิต มูลค่าโครงการ Phase 1 ประมาณ 890 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวรวม 2 Phase มีทั้งหมด 308 ยูนิต มูลค่ารวม 1,391 ล้านบาทโดยประมาณ และโครงการไฮไรส์คอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ อิมเพรสชั่นเอกมัย ซึ่งเป็นโครงการลักซูรี เรสสิเดนท์ ICONIC PROJECT เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนจำนวน 380 ยูนิต มูลค่าโครงการทั้งสิ้น 4,800 ล้านบาท สำหรับโครงการนี้ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ฯได้ร่วมทุนกับสองบริษัทยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นอย่าง ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ (HoosiersHoldings) และ คิวชู เรลเวย์ คัมปะนี (Kyushu Railway Company) ทั้งนี้ บริษัทคาดทุกโครงการเป็นโครงการที่โดดเด่น ทั้งทำเลที่ตั้งและการออกแบบที่เข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง



ทิศทางและนโยบายการดำเนินงาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ขององค์กรบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับ 1) การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่ศักยภาพที่มีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งและบริเวณพื้นที่แนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ เช่น BTS, MRT 2) การออกแบบที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานพื้นที่ใช้สอย พื้นที่ส่วนกลางและสิ่งแวดล้อมที่ดี มุ่งเน้นการอยู่อาศัยได้จริงในราคาที่จับต้องได้ 3) การเปิดโครงการใหม่ๆให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในเซกเมนต์ต่างๆ เช่น กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน ระดับรายได้ต่อเดือนประมาณ25,000 - 50,000 บาทต่อเดือน และกลุ่มลูกค้าประเภท DualIncome, No Kids (DINKs) ภายใต้แบรนด์ The Excel หรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางถึงกลางบน ระดับรายได้ประมาณ 40,000- 80,000 บาทต่อเดือน ภายใต้แบรนด์ RISE หรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางถึงกลางบนระดับรายได้ประมาณ 40,000 - 100,000 บาทต่อเดือนภายใต้แบรนด์ The Vision หรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับสูงประมาณ 150,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ Impression



นายธนากรกล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 26.79 ของจํานวนหุ้นหลัง IPOโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนแล้วปัจจุบัน "ALL" มีทุนจดทะเบียนจำนวน 560 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้วจำนวน 410 ล้านบาท หรือคิดเป็น 410 ล้านหุ้น โดยกลุ่มบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานในอนาคต



บริษัทฯมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ถือหุ้นคู่ค้า พนักงาน เป็นต้น โดยการเสนอขาย IPOครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดทุนและตลาดเงินสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆในอนาคต ตามนโยบายของ ALL ที่จะไม่หยุดยั้งที่จะขยายธุรกิจเพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมทั้งจะมุ่งสร้างผลตอบแทนให้คุ้มค่า ให้กับที่ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในบริษัทฯ



ด้าน บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัสจำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้น บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่า ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้อนุญาตแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชน ของ ALL เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดกรอบระยะเวลาการนำเสนอข้อมูลนักลงทุน(โรดโชว์) ทั้งกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปก่อนที่จะมีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.79ของจำนวนหุ้นหลัง IPO



ทั้งนี้ หากพิจารณาจากจุดแข็งของ ALL จะเห็นได้ว่ากลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภทเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มทั้งคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise และ High Rise ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และอิมเพรสชั่น และทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์เดอะ วิชั่น โดยเป็นโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทเองและภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 3บริษัท คือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ - ฮูซิเออร์ สุขุมวิท 50 จำกัด (ALL Hoosiers) เพื่อพัฒนาโครงการ TheExcel Hideaway Sukhumvit 50 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ LowRise บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด (AHJ Ekkamai) เพื่อพัฒนาโครงการ Impression Ekkamai ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบHigh Rise และบริษัทเอจี ทองหล่อ 12 จำกัด (AG Thonglor) เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบHigh Rise ย่านทองหล่อ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ได้แก่ธุรกิจให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) ธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จภายใต้ชื่อ"Rise Venture" ดำเนินงานภายใต้บริษัท ไรส์ เอสเตท จำกัด และธุรกิจให้บริการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุดดำเนินงานภายใต้บริษัท ออลล์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด (ALL Prop)




เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2559 2561 นั้นกลุ่มบริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม จำนวน 420ล้านบาท, 714 ล้านบาท และ 2,343 ล้านบาท ตามลำดับ และในช่วงเวลาเดียวกันกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 11ล้านบาท, 81 ล้านบาท และ343 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งจากอัตราการเติบโตของบริษัทฯแสดงถึงสถานะทางการเงินและการเติบโตของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด