
หลังจากที่นายสุริยันต์ ศรีไสล (พ่อ) และครอบครัว นำศพนางสาวนิติญากรณ์ ศรีสไสล นักมวย และนักศึกษาม.ราชภัฏ บ้านจอมบึง ที่ผูกคอตาย ในหอพักเป็นปริศนา และครอบครัวรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล ที่บ้านเกิด ที่บ้านแมด และตั้งศพบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 3 วัน
และวันนี้ก็มีการเคลื่อนศพออกจากบ้าน เลขที่ 79 หมู่ 3 บ้านแมด ตำบลสะอาดสมบูรณ์ เวลา 12 นาฬิกา 30 นาทีของ วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม 2561 เพื่อเคลื่อนศพไปฌาปนกิจที่วัดป่าอัมพวัน บ้านแมด ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร โดยเมื่อถึงวัด ก็วนรอบเมรุ 3 รอบก่อนจะประกอบพิธีแก้กลตามประเพณีพื้นบ้านอีสานที่เมื่อ ผู้ตายเสียชีวิตผิดธรรมชาติจะต้องประกอบพิธีการแก้กล โดยจำลองพิธีการจัดทำการฝังศพผู้เสียชีวิต แล้วให้พระมาทักท้วงขอศพที่จะฝัง เพื่อนำไปขึ้นสู่เมรุ แล้วประกอบพิธี ตามประเพณีหมู่บ้าน คือให้พ่อ แม่ แฟน ญาติๆ ประกอบพีธีล้างหน้าศพเพื่ออโหสิกรรมก่อน เพื่อรอการประกอบพิธี ทางพระพุทธศาสนาก่อนการฌาปนกิจต่อไป
การจัดงานฌาปนกิจศพครั้งนี้ มีคนมาร่วมงานทั้งจากเพื่อนๆ ญาติๆ และชาวบ้าน แกนนำชุมชน ครูอาจารย์ในหมู่บ้านแล้ว ยังมีเพื่อนๆนักมวย ค่ายทีเด็ด 99 แฟนผู้เสียชีวิต, ค่ายมวย ส.สายัณต์บ้านแมด ค่ายมวยปัญญาไว, ชมรมมวยสยามภาคอีสาน, ชมรมมวยแชมป์ภาคอีสาน, สมาคมมวยไทยหญิง, ค่ายเพชรเมืองศรี สังกัดช่อง 7 สี มาร่วมงาน
หลังงานสวดมาติกาบังสกุล ก่อนพิธีฌาปนกิจศพ เจ้าภาพได้มอบเงินเพื่อการกุศลให้กับวัด ทุนการศึกษาให้กับสถานศึกษา อาสาสมัคร องค์กรสาธารณะของชุมชน พร้อมกับรับเงินจากกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำหมู่บ้านให้กับครอบครัว 78,000 บาท โดย ดร.สำราญ แสวงผล ผู้อำนวยการวิทยาลัยมวยไทยศึกษาและแพทย์แผนไทย ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธี ร่วมกับ นางพิณญลักษณ์ สกุลเมตตา โปรโมเตอร์มวยค่ายศึก ส.สมหมาย ที่ผู้ตายสังกัดอยู่ เป็นประธานทอดผ้ามหาบังสกุล
จากนั้น มีการแสดงไว้อาลัย ด้วยการแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย ของนักเรียนโรงเรียนสตรีศึกษา 2 บ้านแมด และการรำศิลปะมวยไทย จากเพื่อน ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เพื่อเป็นการไว้อาลัยครั้งสุดท้าย
นายสุริยันต์ ศรีไสล พ่อผู้ตาย กล่าวหลังงานฌาปนกิจศพลูกสาวว่า จนถึงวันนี้ ตนเองยังติดใจในสาเกตุการตายของลูกสาว ที่ถูกมองว่าผูกคอตาย ว่าตนเองยังปักใจเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพราง เพราะมีเงื่อนงำน่าสงสัยหลายอย่าง เช่นร่องรอยที่คอ เชือกที่แขวนคอ เก้าอี้ข้างคนตาย หน้าต่างที่มีร่องรอยการงัด และผิดปกติ และเบาะแสสำคัญว่าก่อนที่ลูกสาวเสียชีวิต ตนเองเชื่อว่าจะต้องมีคนอยู่ในห้องและฆ่าลูกสาวแล้วแขวนคออำพรางให้เป็นการฆ่าตัวตาย
"สิ่งแรกที่ทำให้ตนเชื่อมันคือ ไอแพดในห้อง ซึ่งเป็นอย่างเดียวที่หายไป ทั้งที่ก่อนหน้าที่ลูกสาวจะเสียชีวิตก็ใช้เล่นและทักทายกับพี่สาวและเพื่อนๆ อยู่ แต่พอเสียชีวิต ไอแพดกลับไม่อยู่ในห้อง ซึ่งอาจจะมีเงื่อนงำอะไรในนั้น หรือไม่ก็ถูกคนร้ายที่ทำฆาตกรรมอำพรางถือเอาไปด้วย..คือสิ่งที่จะไขปริศนา และสามารถคลี่คลายคดีได้" นายสุริยันต์ กล่าว
นายสุริยันต์ เผยว่า หลังจากเสร็จสิ้นงานศพแล้ว ไม่เกิน 3 วัน ตนก็จะเดินทางลงไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม และเรียกร้องให้ตรวจสอบ สืบสวนให้กระจ่าง และเอาตัวผู้เหตุฆาตกรรมอำพรางฆ่าลูกสาวขอิงตน มาดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต่อไป.