ตอนนี้ติดยาขนาดหนัก ผมอยากเอาเขาไปบำบัดแต่ไม่ยอม ชื่อ ประพนธ์ หรือนิวฝากแชร์ถึงหน่วยงานที่ช่วยเหลือ " โดยภายในคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นภาพของ นายเจริญศักดิ์ และนายประพนธ์ ลูกชาย กำลังมีบทสนทนากัน ขณะที่นายประพนธ์มีอาการโมโหและพูดจาข่มขู่อีกฝ่ายก่อนที่นายเจริญศักดิ์จะก้มลงกราบเท้านายประพนธ์ถึง 3 ครั้ง เพื่อขอร้องให้ลูกชายหยุดการกระทำดังกล่าว ในวันเดียวกันนั้นนายเจริญศักดิ์ อ่ำอ่อน บิดาของนายประพันธ์ อ่ำอ่อน ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สุทธิสารว่าบุตรชายมีอาการมึนเมายา อาละวาด และได้หลบหนีมาอยู่ที่บ้านญาติที่ลาดพร้าว 48 จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานนั้น
ต่อมาที่สน.สุทธิสาร วันที่ 19 ตุลาคม ที่สน.สุทธิสาร เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายประพันธ์ อ่ำอ่อน จากซอยลาดพร้าว48 คุมตัวมาที่สน.พร้อมประสานนายเจริญศักดิ์ให้มาพบที่ห้องสืบสวนของสน. ก่อนพาตัวออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
นายเจริญศักดิ์กล่าวด้วยน้ำตาคลอว่า ในฐานะพ่อนั้น ตนพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกกลับคืนมา จนถึงขั้นยอมกราบ วันนี้ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีขอเพียงอย่างเดียวให้ลูกชายกลับคืนมาเท่านั้น
ขณะที่นายประพันธ์ได้ยินยอมกราบเท้าพ่อบังเกิดเกล้าคืน ก่อนกล่าวว่า สิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้น ตอแหล โกหก พออยู่ต่อหน้าไมโครโฟนก็พูดอีกอย่าง ทั้งที่ไม่ได้เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่เกิด ทั้งนี้เมื่อนายประพันธ์พูดจาลักษณะนี้และมีอาการคล้ายคนเมายา ทางเจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวนายประพันธ์ กลับไปห้องสืบสวนทันที
ด้านพ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ทางลูกชายนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจปัสสาวะยังพบว่าฉี่ม่วง โดยพบว่ามีสารเสพติด สอบสวนเบื้องต้น ทางลูกชายก็ยอมรับว่าเพิ่งจะเสพยาบ้ามา แต่ก็ยินดีไปบำบัด ส่วนเรื่องคดีทำร้ายร่างกายนั้น เป็นของสน.ปทุมวัน ก็ต้องให้ท้องที่เกิดเหตุรับผิดชอบไปดำเนินการเอง แต่ทางพ่อไม่ประสงค์จะดำเนินคดี ทุกอย่างก็น่าจะจบไป ทั้งนี้คำพูดที่ลูกยังเมาไม่มีสติอยู่ อาจพูดโดยไม่ยั้งคิด เป็นผลเสียของการเสพยาบ้า อยากฝากเตือนเยาวชนให้เห็นผลเสียของยาเสพติด อย่างไรก็ดีในตัวของลูกชายก็ยังมีความดีอยู่ จึงยอมรับผิดก้มกราบพ่อ แต่เพราะอาการเมายาก็อาจพูดในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของเขา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวนายประพันธ์ส่งตัวไปบำบัดที่สถานบำบัดยาเสพติดต่อไป