
จริงๆ ช่วงปลายปีที่แล้ว กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เคยเคลื่อนไหวเรื่องนี้มาครั้งหนึ่ง โดยเสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อชงเรื่องเข้าคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ แต่ถูกตีตก เพราะคณะกรรมการฯมองว่า เรื่องปลากัดไม่เข้าข่าย "เอกลักษณ์ของชาติ" จึงไม่สมควรประกาศให้ "ปลากัด" เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ แต่ให้ไปพัฒนาในมิติเศรษฐกิจแทน
เรื่องนี้เงียบหายไประยะหนึ่ง กระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคมมีกลุ่มผู้รักปลากัดไทย และเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลากัด ได้รวมตัวกันตั้งแคมเปญในเว็บ change.org เพื่อรณรงค์สนับสนุนให้ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ปรากฏว่ามีผู้ลงชื่อสนับสนุนจนถึงขณะนี้เกือบ 14,000 คน ในจำนวนนี้มีผู้มีชื่อเสียงในวงการสัตว์น้ำ และวัฒนธรรมของชาติรวมอยู่ด้วยหลายคน
จากกระแสกดดันของสังคม ทำให้ "กรมประมง" ปัดฝุ่นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง มีการนำรายงานฉบับเก่าที่เคยถูกตีตก มาทบทวนใหม่ และเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับเอกลักษณ์ของชาติเข้าไป รวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ โดยเฉพาะการเพิ่มมูลค่าปลากัดเพื่อการผลิตและส่งออก การสร้างอาชีพ และการรักษาตลอดจนพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อให้ปลากัดไทยยังคงเป็นของคนไทย ไม่ถูกประเทศอื่นชิงไปจดสิทธิบัตรเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นแล้วกรณี "แมวไทยสายพันธุ์ดังระดับโลก" อย่าง "วิเชียรมาศ"ปรากฏว่ากรมประมงทำเรื่องเรียบร้อย ส่งต่อไปยังปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รมช. รมต.จนถึงรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ผู้กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ มีข้อสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เสนอเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรีตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าเมื่อกรมประมงส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะทำหน้าที่เสนอเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ปรากฏว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะดำเนินการใดๆ และแจ้งกรมประมงให้เป็นผู้นำเสนอต่อคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติเองโดยตรง