
โอมาร์ เรย์กาดาส และเพื่อนคนงานอีก 32 คนได้รับการช่วยเหลือขึ้นจากเหมืองแร่ทองแดงและทองคำในเมืองซานโฮเซ่เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2553 หลังติดอยู่ใต้ดินที่ระดับความลึกราว 700 เมตรนานถึง 69 วัน โดยการกู้ภัยต้องขุดเจาะรูและส่งกระสวยลงไปรับคนงานขึ้นสู่พื้นดินทีละคน ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ท้าทายและยากลำบากมาก
เรย์กาดาส ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีเกี่ยวกับ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนว่า เป็นเรื่องยากที่จะให้คำแนะนำในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ขอให้เด็กๆมุ่งมั่นแน่วแน่ และคิดอย่างเดียวว่าจะต้องออกไปพบครอบครัวให้ได้ ช่วยเหลือกันและกัน
ดูว่าใครอ่อนแอ กังวลใจ แล้วปลอบใจให้กำลังใจกัน พร้อมทั้งแนะให้โค้ชเป็นศูนย์กลางในการสร้างกำลังใจให้กับเด็กๆ นอกจากนี้เขาแนะนำว่าควรยอมรับว่า ความกลัวเป็นเรื่องปกติ อย่าอายที่จะกลัว เพราะพวกเขาก็กลัว และถึงเป็นผู้ใหญ่ ก็ร้องไห้มาแล้ว และเชื่อว่า การร้องไห้จะช่วยระบายความรู้สึกออกมา และอย่าแสดงเป็นว่ากล้าหาญ เพราะมันจะเป็นผลร้ายกับตัวเอง
นอกจากนี้เขา บอกว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ได้ขณะติดอยู่ในเหมือง คือ ความศรัทธาในศาสนาคริสต์และพระเจ้า และการสวดขอพรทุกวัน และพวกเขาให้กำลังใจกันและกัน มีอารมณ์ขัน ร้องเพลง เล่าเรื่องตลกมากมาย อีกสิ่งหนึ่ง คือ พวกเขาคิดอย่างเดียวที่จะออกจากถ้ำและคิดถึงครอบครัว ภาพของครอบครัวและศรัทธาในพระเจ้า ทำให้พวกเขายังมีชีวิตอยู่
เรย์กาดาส บอกด้วยว่า ส่วนกรณีของเด็กๆ พวกเขายังเล็กมาก ไม่มีประสบการณ์ในการประสบอุบัติเหตุแบบนี้มาก่อน เป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับพวกเขา แต่เชื่อว่า เยาวชนเหล่านี้จะสามารถรวบรวมความเข้มแข็งได้ แต่ขึ้นอยู่กับคนที่พวกเขาอยู่ด้วย ซึ่งก็คือ โค้ช และเชื่อว่าโค้ชจะสามารถสร้างกำลังใจให้เด็กๆได้ ซึ่งจะทำให้เด็กมีสภาพจิตใจดี และกำลังกายเข้มแข็งที่จะออกจากถ้ำ และสามารถรอคอยจนกว่าจะได้รับการช่วยเหลือออกมา