
พล.ต.จตุพร กลัมพสูต ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีนายวีรนันนท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 พร้อมกำลังจนท.ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ประมาณ 60 นาย นำตัวผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในคดีลอบวางระเบิดตู้ เอทีเอ็ม ในจังหวัดปัตตานี 14 จุดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.61 เวลา 19.00 น. ทำแผนตามคำให้การยอมรับสารภาพในฐานะพยานจำนวน 4 คนคือ นายมูฮำมัด แวอุเซ็ง และนายซุไฮมี มะแซ นายมะยูโซ๊ะ มะแซและนายอิสมาแอล อาแซ โดยเจ้าหน้าที่ได้การกระจายกำลังอารักขาอย่างเข้มงวดเริ่มตั้งแต่สถานที่วางแผน, สถานที่ฝึกสอนการทำระเบิด, สถานที่รับระเบิดก่อนนำมาก่อเหตุสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงสถานที่นำเสื้อผ้าที่ใช้ไปเผา รวมทั้งสิ้น 14 จุด ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง 1 จุด อ.ยะรัง 3 จุด และอ.เมือง10 จุด
สำหรับจุดที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กำหนดให้ครั้งนี้ 1.จุดที่ร่วมประชุม เสนอเป้าหมาย และแบ่งมอบหน้าที่ ก่อนเกิดเหตุ 7 วันที่ร้านน้ำชาบ้านพงสะตา ม.5 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี, 2.จุดที่ลอบการต่อสายไฟและเปิดสวิทย์ระเบิดแสวงเครื่องและการแนะนำการปฏิบัติ ก่อนเกิดเหตุ 1 วันที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยว ม.6 ต.ตะลูโบ๊ะ อ.เมือง ปัตตานี และขับจักรยานยนต์ไปก่อเหตุ และ 3.จุดที่นำระเบิดแสวงเครื่อง ไปวางที่เกิดเหตุบริเวณตู้ เอทีเอ็ม ธนาคารออมสิน หน้าวิทยาลัยเทคนิค เมืองปัตตานี โดยใช้ยานพาหนะรถจักรยานยนต์
สำหรับการติดตามจับกุมคนร้ายจนถึงขณะนี้ ศาลจังหวัดปัตตานี อนุมัติออกหมายจับป.วิอาญาแล้ว 10 หมายสามารถจับกุมแล้ว 8 คน ประกอบด้วย 1.นายมูฮำมัด แวอุเซ็ง 2.นายซุไฮมี มะแซ 3.นายมะยูโซ๊ะ มะแซ 4.นายอิสมาแอล อาแซ 5.นายอาแวหะยีเด็ง 6.นายอับดุลรอนิง เปาะลี 7.นายอิสดินสะอิ 8.นายนูรดิน เจ๊ะอุเซ็ง ซึ่งทั้ง 8 คนมี 4 คน ยอมรับสารภาพในคดีนี้ส่วนอีก 4 คนให้การภาคเสธ แต่สารภาพว่าเป็นผู้ก่อการและเคยก่อเหตุอื่นๆ ขณะนี้ยังมีอีก 2 คนยังหลบหนีอยู่ ขณะนี้ 4 คนที่ทำแผน ออกหมายจับแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลปัตตานี ออกหมายจับ ป.วิอาญา อีก 4 หมายขณะเดียวกัน มีการจับกุมตัวตาม พรบ.กฏอียการศึก เพิ่มอีก 1 คนรวมทั้งสิ้นสรุปขณะนี้ ทราบผู้กระทำผิดแล้ว 14 คน จับกุมแล้ว 9 คน หลบหนีอีก 5 คน
พล.ต.จตุพร กลัมพสูต ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีเปิดเผย "ผู้สื่อข่าว" ว่าสาเหตุที่สามารถควบคุม คนร้ายที่ก่อเหตุลอบวางระเบิด ตู้เอทีเอ็ม เมื่อ 20 พค. ที่ผ่านมา หลายจุดนั้นได้หลักฐานจาก รถคนร้ายคันก่อเหตุได้ตกหายไป และแกะรอยป้ายทะเบียนรวมทั้งจากกล้องวงจรปิดจากประชาชนและราชการ พยานภาคประชาชนชี้เบาะแสคนร้าย และติดตามภาพจากกล้องวงจรปิด จึงสามารถสเก็ตภาพได้ และติดตามเชิญตัวมาและตรวจค้น หลักฐาน หมวกเสื้อผ้าและจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุ เมื่อหลักฐานแน่นมากขึ้น ทำให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ สำนึกผิด และให้ข้อมูลเพิ่มเติมขยายผลจนจับคนร้ายได้ดังกล่าว
"ที่จับมา 9 คน สารภาพว่าร่วมก่อเหตุ 5 คน ส่วนอีก 4 คน ภาคเสธแต่ยอมรับก่อเหตุคดีอื่นๆ เช่นปล้นรถปลาและอื่นๆ ผู้ก่อเหตุ เป็นกลุ่มหน้าเก่าๆ ที่หลบซ่อนในพื้นที่ และยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่ยังไม่ได้เชิญตัวหรือที่เชิญตัวมาแล้ว ก็ไม่มีหลักฐานก็ปล่อยตัว"
ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กล่าวว่า ปัจจุบันพยาน ให้ความร่วมมือมากขึ้นที่ผ่านมาไม่มีพยานบุคคลแต่ 2 ปี หลังมีพยานบุคคล เพราะประชาชนมั่นใจมากขึ้นและคนร้ายมั่นใจต่อการดำเนินคดีของรัฐ ขณะนี้มีการลงโทษหลายคดีแล้ว อย่างไรก็ตามผู้เสียหายก็สามารถปฏิเสธ หรือที่จะต่อสู้ในศาล ในกระบวนการยุติธรรมได้