
ย้อนกลับไปถึงพฤติการณ์ในอดีต ที่ทำร้ายและบังคับให้เอาทรัพย์สิน คือ โทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสตางค์ รวมทั้งใช้มีดแทงผู้ตาย รวม 24 แผล เป็นเหตุให้เหยื่อถึงแก่ความตาย จนกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ เกิดขึ้นในสวนสาธารณะใจกลางเมืองตรังเมื่อ 6 ปีก่อน กับเหยื่อที่เป็นเพียงแค่นักเรียนชายวัย 17 ปี ย้อนกลับไปช่วงเวลา 17.30 น. วันที่ 17 ก.ค. 2555 กลางสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 เขตเทศบาลเมืองตรัง จ.ตรัง เมื่อพบศพ นายดนุเดช สุขมาก อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนมัธยมวัดควนวิเศษมูลนิธิ สภาพศพถูกมีดปลายแหลมแทงยับจนพรุนทั่วร่างกาย นอนหงายจมกองเลือด ส่วนคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี พร้อมล้วงเอากระเป๋าสตางค์ ที่มีเงินสด 2,000 บาท และโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วยวันเกิดเหตุเป็นวันหยุด เนื่องจากเป็นช่วงสอบกลางภาค นายดนุเดชมารับเพื่อนหญิงจากบ้านมาเที่ยวสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 // จากนั้น มีวัยรุ่น 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน เข้ามาประกบหวังทำร้าย ก่อนที่นายภานุเดชและเพื่อนหญิงจะวิ่งหนีเข้าไปในสวน โดยมีวัยรุ่น 2 คน พร้อมมีดปลายแหลมไล่ตามขณะนั้น เพื่อนหญิงพยายามห้ามปราม พร้อมบอกให้กลุ่มวัยรุ่นซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก หยุดทำร้ายนายดนุเดช แต่กลับไม่ฟัง รุมแทงจมกองเลือด // ชาวบ้านที่เดินผ่านสวนสาธารณะ พบเห็นสองวัยรุ่นรุมแทงกัน จึงตะโกนว่า "ตำรวจมา" ทำให้วัยรุ่นทั้งสองเกิดความกลัวจึงวิ่งหนี โดยหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือไปด้วยช่วงแรก ตำรวจ สภ.เมืองตรัง มุ่งสอบสวนไปที่เรื่องชู้สาว แต่พอเรียกเพื่อนหญิง และนักเรียนที่อยู่ละแวกนั้นมาสอบปากคำ กลับพบว่า ในตัวเมืองตรังมีแก๊งรีดไถเงินหรือทรัพย์สินนักเรียนบ่อยครั้ง / ประกอบด้วย "แก๊งบ้านโคกพลา" กับ "แก๊งบ้านโพธิ์" มีสมาชิกนับสิบคน จนพบว่า หนึ่งในผู้ก่อเหตุ คือ นายธีรศักดิ์ หรือ มิ๊ก หลงจิ อายุ 19 ปี ในขณะนั้น เป็นสมาชิกแก๊งบ้านโคกพลา มีประวัติอาชญากรรมโชกโชน / ก่อนเข้าจับกุม ขณะยืนอยู่หน้าวิทยาลัยเทคนิคตรัง พร้อมตรวจยึดมีดปลายแหลม 1 ด้าม / โดย นายธีรศักดิ์ให้การปฏิเสธ แต่เมื่อกองวิทยาการพิสูจน์หลักฐาน นำมีดปลายแหลมไปตรวจสอบ พบว่าคราบดีเอ็นเอในมีดปลายแหลม ตรงกับบาดแผลของผู้ตาย / และพบประวัติ นายธีรศักดิ์ ถูกจับมาแล้วหลายครั้ง ทั้งข้อหาเสพยาเสพติด ครอบครองกัญชา อาวุธปืน ก่อนที่จะก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่นคดีต่อสู้ยาวนานผ่านมา 6 ปี ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ศาลอุทธรณ์ยืนตาม ศาลฎีกาพิพากษายืน ในที่สุดก็ถูกพิพากษาประหารชีวิต และได้รับการฉีดสารพิษถึงแก่ความตายไปในเวลา 15.00 น. วันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ใช้เวลา 3 ชั่วโมงจนหัวใจหยุดเต้นจนเป็นประเด็นที่สังคม และนักสิทธิมนุษย์ชน จับตาอย่างอย่าง เพราะในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา มีคดีสะเทือนขวัญที่ศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่กรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้นำตัวมาลงโทษ / การรื้อฟื้นโทษประหารชีวิตครั้งนี้จึงเท่ากับว่า "โทษประหารยังมีอยู่จริง"