นายธนวัฒน์ เสริมพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วาไรตี้ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด ผู้ผลิตใบเตยออแกนิคผง แบรนด์ "แพนดะ" จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงแนวคิดมาดำเนินธุรกิจเกษตรแปรรูป โดยนำใบเตยออแก นิคมาผ่านกรรมวิธีเดียวกับการทำชาเขียวมัจฉะของประเทศญี่ปุ่น ว่า ในช่วงแรกการทำธุรกิจเมื่อ 3 ปีก่อน ได้ปลูกต้นใบเตยออแกนิคในพื้นที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งได้รับใบรับรองออแกนิกไทยแลนด์ จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เบื้องต้นขายเป็นใบสด และส่งออกใบเตยอบแห้งจำหน่ายเป็บชาใบเตยในตลาดญี่ปุ่น และจีน ต่อมาเมื่อ 1 ปีีที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับทางสวทช. วิจัยการผลิตใบเตยผง เนื่องจากใบเตยบดผงทำได้ค่อนข้างยาก เพราะมีไฟเบอร์มาก เมื่ออบแห้งแล้ว นำไปบดละเอียดจะมีความเหนียวของเส้นใยอาหาร ซึ่งหากไม่ได้เทคโนโลยีจากทางญี่ปุ่นมาใช้จะทำได้ค่อนข้างยาก
ล่าสุด ในปีนี้ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ในรูปแบบของใบเตยออแกนิคผงออกสู่ตลาดเป็นรายแรกๆของประเทศไทย เพื่อเจาะตลาดกลุ่มรักสุขภาพ และเบเกอรี่ ซึ่งถือว่าเป็นการนำเอานวัตกรรมมาต่อยอดการผลิตให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยใช้เครื่องจักรในการผลิตจากต่างประเทศ ภายใต้การส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแปรรูปสินค้า ที่นอกจากจะขายเป็นใบสดป้อนเข้าสู่ตลาดในกลุ่มของอาหารแล้ว ยังป้อนให้กับตลาดดอกไม้สด
บริษัทต้องการตอบโจทย์ในการสร้างเอกลักษณ์ความเป็นไทยในกลุ่มของสินค้าเกษตร เพื่อส่งออกอย่างมีคุณภาพ และก้าวข้ามอุปสรรคการส่งออกให้ได้มาตรฐานสากล โดยใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ในการสร้างมาตรฐานโรงงาน และให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่จะเข้ามาสนับสนุนการแปรรูปสมุนไพร โดยปัจจุบันนี้ เกษตรกรทั่วไปสามารถที่จะปลูกใบเตย และทำใบเตยผงออกมาจำหน่ายได้ แต่หากว่าเป็นการแปรรูปใบเตยออแกนิคผง ถือว่าเป็นรายแรกๆของประเทศไทย และใช้เคล็ดลับด้วยการอบ การคั่ว และบดด้วยหิน ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับการผลิตชาเขียวมัจฉะ โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์สินค้าว่า "แพนดะ" ซึ่งเป็นการนำภาษาอังกฤษคำว่า "PANDAN"ที่แปลว่า ใบเตย มาออกเสียงสไตล์ญี่ปุ่น และจะมีความพิเศษตรงที่กรรมวิธีที่ผลิตจะช่วยให้มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้มีความหอมใบเตยไม่แตกต่างจากใบสด
"ตอนนี้ได้ทดลองทำตลาดในห้างสรรพสินค้าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มาประมาณ4-5 เดือน ซึ่งได้รับผลตอบรับดี โดยสามารถตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคที่ต้องการนำไปชงดื่มร้อนเย็น ไม่ต่างจากชาเขียวมัจฉะ เพียงแต่จะมีกลิ่นใบเตย อีกทั้งยังนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการประกอบอาหารคาวหวาน และแม้กระทั่งการทำเบเกอรี่ด้วย ซึ่งขณะที่ในด้านการของการทำลงทุนนั้นในการปลูกใบเตยไม่สูงมากนักก ใช้พื้นที่เพียง 2ไร่ครึ่ง แต่สามารถทำการเก็บใบเตยได้ทุกวัน เพราะเป็นสมุนไพรที่ใช้พื้นที่ได้คุ้ม โดยในแต่ละเดือนทางบริษัทจะใช้ใบเตยสดจำนวน 3 ตัน ซึ่งเพียงพอต่อกำลังการผลิตในขณะนี้ และในปีนี้จะขยายพื้นที่ปลูกอีก 2 อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน "นายธนวัฒน์ กล่าว