
การรวมตัวประท้วงของกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาจำนวนกว่า 300 คนที่จังหวัดปราจีนบุรีครั้งนี้ เป็นการเรียกร้องค่าชดเชยการทำงานล่วงเวลาย้อนหลัง 5 ปี หลังกลุ่มแรงงานได้รับบัตรอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับค่าล่วงเวลา เพราะเป็นแรงงานผิดกฎหมาย
หนึ่งในแรงงานชาวเมียนมาที่ร่วมขบวนประท้วง ให้ข้อมูลว่า เมื่อ 5 ปีก่อนเข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมายในโรงงานผลิตอวน ในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี แต่ต่อมาเมื่อได้รับบัตรอนุญาตทำงานอย่างถูกต้อง และกฎหมายระบุให้มีค่าล่วงเวลานอกเหนือจากค่าแรงขั้นต่ำ พวกตนจึงเรียกร้องเงินส่วนนี้ย้อนหลังไปตั้งแต่เริ่มทำงาน ประกอบกับมีกลุ่มที่อ้างตัวเป็นเอ็นจีโอชาวเมียนมา ให้เรียกร้องค่าชดเชยล่วงเวลาโดยการประท้วงนายจ้าง จึงทำให้แรงงานทั้งหมดออกจากโรงงาน แล้วไปปักหลักพักอาศัยที่วัดคลองกลาง เพื่อกดดันให้โรงงานจ่ายค่าล่วงเวลาย้อนหลัง
ฝั่งนายจ้าง เจ้าของโรงงานผลิตอวน ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้จ้างแรงงานต่างด้าวแบบผิดกฎหมายจริง เนื่องจากไม่สามารถจัดหาแรงงานอย่างถูกต้องได้ แต่เมื่อรัฐบาลประกาศให้นายจ้างทำบัตรอนุญาตทำงานให้กับแรงงานอย่างถูกต้อง นายจ้างจึงออกค่าใช้จ่ายในการทำบัตรอนุญาตให้ทั้งหมด เมื่อได้บัตรมาแล้ว นายจ้างก็หักเงินค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่แรงงานไม่พอใจ จึงเรียกร้องไม่ให้หักเงิน และเรียกร้องให้นายจ้างจ่ายเงินค่าล่วงเวลาย้อนหลังด้วย
แฉก๊วนอ้างเอ็นจีโอพม่าปลุกม็อบ-เรียกเงิน
นายจ้างรายนี้ยังให้ข้อมูลด้วยว่า แรงงานออกมาประท้วงตามการปลุกปั่นของกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นเอ็นจีโอ แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกลุ่มที่ไม่เคยขึ้นทะเบียนถูกต้อง แถมยังระดมเงินของแรงงานคนละ 500 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการต่างๆ ด้วย
หลังมีปัญหาการประท้วงของแรงงานเมียนมา ทำให้ หัวหน้าทูตแรงงาน จากสถานทูตแห่งสาธารณรัฐเมียนมาประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายอำเภอกบินทร์บุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยจากการพูดคุยกับนายจ้าง ได้แบ่งแรงงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มแรงงานที่ยังต้องการทำงานต่อในโรงงานเดิม กับอีกกลุ่มหนึ่ง คือกลุ่มที่ไม่ต้องการทำงานที่โรงงานอวนต่อไปแล้ว
ทางออกเบื้องต้นจากที่ประชุม นายจ้างเสนอว่า หากใครที่ยังต้องการทำงานต่อ นายจ้างจะให้เงินชดเชยให้ 6,000 บาท และหลังจากนี้ทางโรงงานจะให้ค่าแรงเหมือนเดิม บวกกับค่าล่วงเวลาที่ควรได้รับตามกฎหมาย แต่ข้อเสนอเบื้องต้นนี้ ฝ่ายแรงงานยังไม่พอใจ และบางส่วนยังคงปักหลักชุมนุมกันต่อ