
บริเวณชายหาดบ้านแหลม พบว่าเป็นชายหาดยาวกว่า 5 กม. ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงตลอดเวลา พบชาวบ้านนำภาชนะลงไปขุดหอย ที่ฝังตัวในทรายตื้นๆ เพียงเอามือขุดก็นำตัวหอยขึ้นมาได้ และฝังอยู่เต็มพื้นที่ชายหาด ในระยะ 5 กม. ทั่วทั้งบริเวณ ทำให้ชาวบ้านได้หอย จำนวนมาก ตั้งแต่ 3-5 กก. เมื่อได้หอยมาแล้วต้องนำไปแช่น้ำทะเล อีก 2 ชม. เพื่อให้หอยที่ยังมีชีวิต คลายทรายในตัวออกมา จึงนำไปประกอบอาหารได้ ชาวบ้านนำไปขาย ที่ตลาดได้ราคา กก.ละ 30-50 บาท สร้างรายได้อย่างดี
นส.ราตรี จันทรัตน์ ประมง อำเภอละแม กล่าวว่า หอยดังกล่าว มีชื่อว่า "หอยตาวัว" มีลักษณะเปลือกหอยคล้ายหอยหวาน แต่เปลือกบางกว่า มีเนื้อที่เหนียวหนึบนุ่ม อร่อยกว่าหอยหวานมาก หอยชนิดนี้ในอดีต มีในอ่าวไทยจำนวนมาก แต่เมื่อท้องทะเลโดนทำลายห่วงโซ่อาหารจากการทำประมงอย่างหนัก จากเรือประมงพาณิชย์ ทำให้หอยชนิดนี้หายไปจากชายหาดใน ฝั่งอ่าวไทยมานานกว่า 20 ปี จนถึงเวลานี้เมื่อทะเล กลับมาอุดมสมบูรณ์ จากมาตรการการควบคุมการทำประมง ทำให้เกิดหอยชนิดนี้ขึ้นมาบนชายหาดอีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของท้องทะเลที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง"
"หอยชนิดนี้ สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ทั้ง ลวก ผัด แกง สามารถรับประทานได้โดยไม่มีพิษแต่อย่างใด นอกจากชาวประมงชายฝั่งแล้ว ในขณะนี้ ยังมีชาวสวนยางพารา ที่ขายได้ราคาไม่ดื ต่างพากันแหมาเก็บหอยไปขาย เพื่อหารายได้ในช่วงราคายางตกต่ำด้วย"
ชาวบ้าน หลายคนกล่าวว่า "การเก็บหอยตาวัวไม่ยาก เมื่อเดินผ่านทรายทีมีลักษณะนูนก็ ใช้มือควักลงไปก็ สามารถจับหอยตาวัว โดยเฉพาะในวันที่ไม่มีฝนตก จะมีหอยตาวัว ขึ้นฝั่งมาฝังตัวในทรายจำนวนมาก ชาวบ้านบางคนเก็บได้มากกว่า 10 กก. สร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยีงคงมีหอยตาวัวขึ้นมาบนฝั่งตลอดเวลา ที่ผ่านมา ได้มาเก็บหอยตาวัว มาแล้ว 3 วัน และจะยังมาเก็บต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากขายได้ราคาดีมาก นอกจากนั้น ยังพบว่า มีหอยตลับเริ่มทยอยขึ้นมายังชายหาดบ้านแหลม จำนวนมากเช่นเดียวกัน คาดว่า จะสร้างรายได้ให้ ชาว อ.ละแม และ ชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาเก็บหอยตาวัว และ หอยชนิดต่างๆ อีกมากมาย