"หลายสาย" ในพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับตรงกันว่า การที่ "สุเทพ" ซึ่งมีดีกรีเป็นอดีตเลขาธิการคนสำคัญของพรรค ไปตั้งพรรคใหม่ มีผลกระทบกับพรรคแน่นอน ซึ่งบางคนใช้ว่า "กระเทือน" เลยด้วยซ้ำ
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะมี 2 ระดับ
ระดับแรกที่เริ่มเห็นแล้วคือ การที่อดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ย้ายไปอยู่กับพรรค "รวมพลังประชาชาติไทย"เบื้องต้นคือตระกูล "เทือกสุบรรณ" ที่จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ ตัวสุเทพ เอง "ธานี เทือกสุบรรณ" และ "เชน เทือกสุบรรณ" น้องชายทั้งสองคนของสุเทพซึ่งทุกคนเป็นอดีต ส.ส.เขตด้วย จึงยิ่งมีความผูกพันเหนียวแน่นในพื้นที่
พื้นที่นราธิวาส ที่นำโดย"สุรเชษฐ์ แวอะแซ"อดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอีกจุดที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการย้ายพรรคไปอยู่กับพรรคใหม่ของสุเทพ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีประมาณ 3 คน
สำหรับพื้นที่อื่นๆที่ภาคใต้ ในเบื้องต้นยังไม่มีใครแสดงท่าทีว่าจะย้ายไปอยู่กับ "สุเทพ" ซึ่งน่าจะเป็นด้วยเหตุ "กลัวสอบตก" แต่อย่างไรก็ตาม "คนในพรรค" บอกว่ายังวางใจไม่ได้ยังต้อง"เฝ้าระวัง"
อีกพื้นที่ที่อดีตส.ส.ของพรรค แสดงออกชัดเจนว่าจะย้ายไปอยู่กับ "ลุงกำนัน" คือ"ธวัชชัย อนามพงษ์"อดีตส.ส. 7 สมัยของ จ.จันทบุรี โดย "ธวัชชัย" เคยย้ายพรรคมาหลายรอบ เริ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ปี 2529 จากนั้นย้ายมาพรรคประชากรไทย พรรคชาติพัฒนา ก่อนจะกลับมาประชาธิปัตย์อีกครั้ง และครั้งหน้าจะย้ายไปอยู่ "พรรครวมพลังประชาชาติไทย"
นั่นคือเบื้องต้นที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับผลกระทบแล้ว
ผลกระทบระดับต่อมาคือ เรื่องฐานเสียงซ้ำซ้อนกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้
ฐานเสียงสำคัญของพรรค "สุเทพ" คือกลุ่มมวลมหาประชาชนสมาชิกกปปส. ซึ่งกปปส.ส่วนใหญ่ก็คือผู้ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่ามวลชนกปปส.ที่เป็นกอบเป็นกำในช่วงการชุมนุมต่อสู้กับรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" คือมวลชนจากภาคใต้
คนในพรรคยอมรับว่าพื้นที่ภาคใต้จะเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
"สำหรับภาคใต้จากเดิมที่ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์เคยได้คะแนนนำโด่ง คราวนี้อาจจะไม่ใช่ คะแนนส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งไปที่พรรคคุณสุเทพ และด้วยระบบเลือกตั้งใหม่ที่มีบัตรเลือกตั้งใบเดียว คะแนนผู้ชนะ ส.ส.เขต จะมารวมกันทั่วประเทศเพื่อไปคำนวนเป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ฉะนั้นเมื่อส.ส.เขตได้คะแนนมาน้อยลงก็หมายความว่าจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของเราก็จะลดลงไป" แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ มอง
อย่างไรก็ตามในส่วนภาคอื่นๆ นั้น พรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าการก่อเกิดของพรรครวมพลังประชาชาติไทย จะไม่ส่งกระทบต่อพรรคมากนัก เนื่องจากกระแสของ กปปส.ในภาคอื่นไม่น่าจะแรงเท่าภาคใต้
สำหรับทางสู้ของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้ได้รับผลกระทบจากพรรคสุเทพให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ก็คือการปลุก"หลวงพ่อชวน" ขึ้นมาช่วย
แต่เนื่องจาก "ชวน หลีกภัย" แสดงท่าทีว่าไม่ต้องการกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีก ฉะนั้นทางเดียวที่จะงัด "หลวงพ่อชวน" ออกมาใช้ได้คือ การเสนอชื่อนายชวนอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้แต่ละพรรคสามารถเสนอได้ไม่เกิน 3 ชื่อ
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะเสนอชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" คนเดียว ซึ่งแหล่งข่าวในพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่ามีแนวคิดนี้อยู่จริงเพียงแต่เป็นแนวคิดของกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ชิด "อภิสิทธิ์" เท่านั้น
"ผมยอมรับว่ามีคนคิดแบบนี้แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คน เชื่อว่าส่วนใหญ่ต้องการให้มีการเสนอชื่อคุณชวนไปด้วย เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคมากกว่า"แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
คนในพรรคอธิบายว่าหากมีชื่อ "ชวน" อยู่ในรายชื่อผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯด้วย จะทำให้เป็นแรงดึงดูดทั้งกับการที่อดีต ส.ส.ของพรรคจะไม่ย้ายพรรค และเป็นแรงดูดคะแนนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้
มีการวิเคราะห์กันว่าจากยุคหนึ่งที่เคยมีการพูดกันว่าเอาเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือกตั้งสำหรับผู้สมัครส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ คราวนี้อาจไม่เป็นอย่างนั้น โดยเฉพาะเมื่อคนที่จะมาสร้างแรงสั่นสะเทือนคือ "สุเทพ" ซึ่งมีบารมีและศักยภาพทางการเมืองสูง
แต่บ้างก็มองว่าแรงสั่นสะเทือนไม่น่าจะมากเพราะมวลชน กปปส.รัก "ลุงกำนัน" ไม่ได้รัก "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เมื่อลุงกำนันกลับมาเป็นสุเทพเหมือนเดิม ความรู้สึกของมวลชนกปปส.ก็อาจจะเปลี่ยนไป ซึ่งก็เห็นได้จากปฏิกิริยาทางโซเชียลมีเดียหลัง "สุเทพ" ประกาศเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค
นี่แค่การมองเกมเบื้องต้น ยังต้องจับตาดูระยะต่อไป "สุเทพ" ยังซ่อนดาบอะไรไว้อีกหรือไม่ "ชวน" จะออกมาผนึกช่วย "อภิสิทธิ์" ต้านบารมี "สุเทพ" เพื่อรักษาพรรคประชาธิปัตย์ไว้ได้แค่ไหน
ถึงแม้ที่ปลายทางจะมีความเป็นไปได้สูงว่า 2 พรรคนี้จะมาอยู่ร่วมใต้ชายคารัฐบาลเดียวกัน !!