
นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า หลังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับการร้องเรียนจากผู้ซื้อทุเรียน คือ นายวัฒนะ ช่วยเจริญ ว่าวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้พาญาติจาก จ.สุราษฏร์ธานี แวะซื้อทุเรียนหลงลับแล 1 ลูกราคา 860 บาท จากพ่อค้าที่ตลาดผลไม้ บริเวณหัวรถจักร เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นย่านจำหน่ายทุเรียนของ จ.อุตรดิตถ์ ปรากฏว่าหลังถึงบ้าน แกะเป็นทุเรียนอ่อน และมีเมล็ดใหญ่ จึงนำไปคืนพ่อค้า แต่ไม่รับผิดชอบ
จากนั้นเข้าร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทางจังหวัดอุตรดิตถ์ได้นำทุเรียนหลงลับแลลูกดังกล่าวส่งให้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร จ.อุตรดิตถ์ ตรวจสอบ พบว่าเป็นทุเรียนอ่อนและดูจากลักษณะแล้วไม่น่าจะเป็นทุเรียนพันธุ์หลงลับแลของ จ.อุตรดิตถ์ หรืออาจเป็นทุเรียนหลงลับแลที่ปลูกต่างจังหวัดแล้วนำมาขายเนื่องจากหากเป็นทุเรียนหลงลับแลแท้ๆ เมล็ดจะลีบ เนื้อเยอะ
ดังนั้น จังหวัดอุตรดิตถ์ จึงได้มอบหมายให้ สำนักงาน สคบ.อุตรดิตถ์ พร้อมผู้บริโภค นำหลักฐาน เข้าแจ้งความดำเนินคดี ตามประมวลกฎหมายของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมาตรา 47 ผู้ใดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้สลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้ อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องต้องระวางโทษจำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ว่าฯอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ตลอดฤดูกาลที่ผลผลิตทุเรียนลับแล ออกสู่ตลาด จ.อุตรดิตถ์ กำชับชาวสวน ตลอดจนพ่อค้าแม่ค้า อย่างจำหน่ายทุเรียนไม่ได้คุณภาพ และต้องมีการรับประกันระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย ซึ่งจังหวัดอุตรดิตถ์มีชุดหน่วยเฉพาะกิจในการออกตรวจตลาด หากพบ และมีการร้องเรียน เมื่อตรวจสอบว่าเป็นทุเรียนอ่อน ไม่ได้คุณภาพ และมีการแอบอ้างทุเรียนหลง-หลินลับแล จะแจ้งความดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ซึ่งกรณีนี้เป็นรายแรกของฤดูกาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเรียกผู้ซื้อผู้ขายมีสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไปและขอความร่วมมือ พ่อค้าหากชาวสวนตัดทุเรียนอ่อนมาส่งขายให้ ไม่ควรรัยมาขายต่อ และแจ้งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องทราบจะได้ดำเนินการถึงต้นต่อ