svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

โรงเรียนเชียงคานยุติตัดต้นสักทอง

มีการโพสต์ข้อความในกลุ่มไลน์เชียงคานสอบถามถึงกรณีที่นายสุเมธ ปานะถึก ผอ.ร.ร.เชียงคานที่จะตัดต้นสักจำนวน 4 ต้น เป็นเมล็ดพระราชทานสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นไม้สักคู่บ้านคู่เมือง และยังเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเชียงคานแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ

จากเมื่อวันที่ 7 พ.ค.61 ชาวอ.เชียงคาน จ.เลย มีการโพสต์ข้อความในกลุ่มไลน์เชียงคานสอบถามถึงกรณีที่นายสุเมธ ปานะถึก ผอ.ร.ร.เชียงคานที่จะตัดต้นสักจำนวน 4 ต้น เป็นเมล็ดพระราชทานสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นไม้สักคู่บ้านคู่เมือง และยังเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเชียงคานแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ต้นสักตั้งอยู่ภายในโรงเรียนทางด้านทิศตะวันออก ติดสนามฟุตบอลของโรงเรียนกับที่ดินอำเภอเชียงคาน เพื่อจะก่อสร้างหอประชุมของโรงเรียน ทางโรงเรียนมีการพ่นสีสเปรย์สีแดงรอบต้นสักเป็นสัญญลักษณ์ที่จะต้องตัดต้นสักอายุกว่า 100 ปี จำนวน 4 ต้น โดยเบื้องต้นทางโรงเรียนไม่มีการหารือหรือทำประชาพิจารณ์ให้ชาวบ้านรับรู้ จนชาวบ้านไม่พอใจออกมาโพสต์ต่อต้านและขอให้ชะลอการตัดต้นสักออกไป และทำประชาพิจารณ์ก่อน 

โรงเรียนเชียงคานยุติตัดต้นสักทอง



กรณีนี้นายสุเมธ ปานะถึก ผอ.ร.ร.เชียงคาน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าต้นสักอยู่ภายในโรงเรียนขนาดต้นใหญ่ต้องตัดออกไป เพราะขวางการก่อสร้างตึกหอประชุมโรงเรียนจึงได้ทำเรื่องขออนุญาต ไปที่สำนักงานป่าไม้และที่ราชพัสดุแต่ทางป่าไม้และและที่ราชพัสดุขอให้ทางโรงเรียนประชุมภาคีส่วนที่ชาวบ้านออกมาต่อต้านไม่ให้ตัดก็อยากให้มาร่วมประชุมกันในวันพุธที่ 9 พ.ค.นี้ ส่วนจะมีการตัดหรือนั้นไม่ต้องรอจากภาคีต่างๆอย่างไรขอให้มาประชุมพูดคุยกันวันพุธที่จะถึงนี้ส่วนรายละเอียดให้มารับฟังในวันประชุมซึ่งไม้ที่จะต้องตัดคือไม้ประดู่บ้าน ไม้กระโดน และที่เป็นข่าวคือไม้สักทอง จำนวน 4 ต้นและเป็นไม้แฝด 1 ต้น ที่ปลูกปี 2493 อายุ 68 ปี มีข้อความเขียนแปะไว้ทุกต้นใจความว่า" หนูชื่อสักทองเป็นแฝดกันมาตั้งแต่กำเนิดอย่าทำร้ายหนูอยากอยู่คู่กันตลอดไป มีแต่คนชมว่าสวยและโดดเด่น"

โรงเรียนเชียงคานยุติตัดต้นสักทอง



เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 พ.ค.61 ณ รร.เชียงคาน (วิจิตรวิทยา) อ.เชียงคาน จ.เลย จัดประชาวิจารณ์ขึ้นมี นายสุเมธ ปานะถึก ผอ.รร.เชียงคาน, นายสันติ พรหมาสิทธิ์ ธนารักษ์พื้นที่เลย, นายณัฐพล ดวงท้าวเศษ รอง .ผอ.สพม.19 นายไพโรจน์ ตันมิ่งผู้แทนป่าไม้จังหวัดเลย, นายมนัสชัย ห้อทา ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาฯพร้อมข้าราชการ ประชาชนกว่า 100 คนร่วมด้วย มีการบรรยาย ชี้แจงและข้อซักถาม กันอย่างกว้างขวางทั้งข้อดี ข้อเสีย หากมีการตัดไม้สักทอง และได้สรุปว่า "ไม่ต้องตัด" ก็สามารถสร่างอาคารหลังใหญ่ได้นายสุเมธปานะถึก ผอ.รร.เชียงคาน, เปิดเผยหลังการทำประชาวิจารณ์ว่าปัจจุบันทางโรงเรียนเชียงคานมีนักเรียน 1,600 คนใช้โรงอาหารที่คับแคบ ใช้แอร์หลายตัวสิ้นเปลืองไฟฟ้า ไม่สะดวกหลายด้าน จึงประชุมหลายครั้งว่าถึงเรื่องที่จำเป็นยึดกฎข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆโดยเคร่งครัดรัดกุมว่าโรงเรียนห้องเรียนเกิน 24 ห้องสามารถสร้างโรงอาหาร 2 แห่ง ได้เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นสถานที่ก่อสร้่างโรงอาหารใกล้กับต้นสักทอง 4 ต้น จึงได้จัดประชุมคณะครู-อาจารย์ บุคลากรทั้งหมดเมื่อวันที 8 พ.ค.61 ซึ่งได้มติเป็นเอกฉันท์ว่า...จะไม่ตัดต้นสักทอง" 

สรุป...ว่าเพื่อคงความเป็นธรรมชาติตามความต้องการสภาพจิตใจของประชาชน นักเรียน ศิษย์ต่างๆแล้ว ไม่ตัดต้นสักแล้วจะได้ 3 สิ่งคือคงสภาพต้นสักความร่มรื่นได้อาคารโรงอาหาร ห้องประชุมที่มีสนามกีฬาในร่มอยู่บนอาคารคือบาสเก็ตบอล วอยเลย์บอลและเซปัคตะกร้อ และรักษาจิตใจของชาวเชียงคานแต่ต้องสร้างอาคารโดยการปรับปรุงภูมิทัศน์ รื้อสนามเซปัคตะกร้อ สนามวอลเลย์บอลกลางแจ้งออกให้มาเล่นบนอาคารหลังใหม่จากนั้นก็เป็นการขยายสนามฟุตบอลไปแทนให้ได้มาตรฐานเพิ่มจากเดิน 10 เมตรอาคารหลังใหม่นี้ชื่อว่า...โรงอาหาร หอประชุมแบบ 101(ร) พิเศษ อาคาร 2 ชั้น กว้าง 22 เมตร ยาว 46 เมตรสพฐ.อนุมัติงบประมาณ 12 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างในปี 2561 นี้ชั้นล่างเป็นโรงอาหารบรรจุได้ประมาณ1,000คนที่ผ่านมาทางโรงเรียนฯได้ทำตามขั้นตอน การยื่นเรื่องไปยังหน่วยงาน ทางจังหวัดและหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 6 อุดรธานีจนได้รับการอนุมัติลงมาแล้วก็ตาม