svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เตือน! เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกาอย่าเร่งเก็บผลผลิตและเลิกใช้ยาฆ่าหญ้า

เตือน เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกาอย่าเร่งเก็บผลผลิตอ่อนเพื่อแสวงหากำไรเกินควรและรักษาคุณภาพทุเรียนสาลิกาเพื่อคงมาตรฐานความอร่อยพร้อมเลิกใช้ยาฆ่าหญ้าเพื่อความเจริญเติบโตของต้นทุเรียน

เตือน! เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกาอย่าเร่งเก็บผลผลิตและเลิกใช้ยาฆ่าหญ้า

นายธีระพงษ์ ตันติเพชราภรณ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายนิพนธ์ สุขสะอาด เกษตรจังหวัดพังงา นำคณะเข้าดูสวนทุเรียนสาลิกา ซึ่งเป็นทุเรียนพื้นบ้านชื่อดังของ อำเภอกะปง จ.พังงา ที่พูดกันว่าเป็นทุเรียนพื้นบ้านอันดับ 1 ของภาคใต้ ก่อนที่จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงปลายเดือน พฤษภาคมนี้ โดยได้นำเสนอปัญหาและโรคต่างๆของทุเรียนสาลิกา ซึ่งเป็นทุเรียนพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดพังงา ที่มีผลผลิตออกมาในรุ่นแรก จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 250-300 บาท 



เตือน! เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกาอย่าเร่งเก็บผลผลิตและเลิกใช้ยาฆ่าหญ้า




ซึ่งพบว่ายังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด อีกทั้งขอให้เกษตรกรหมั่นดูแลสวนห้ามใช้ยาฆ่าหญ้าเพื่อความเจริญเติบโตของต้นทุเรียน ขอให้เกษตรกรไม่เก็บทุเรียนสาลิกาอ่อนเพื่อแสวงหากำไรเกินควร และรักษาคุณภาพทุเรียนสาลิกาเพื่อคงมาตรฐานความอร่อย ด้านเกษตรจังหวัดพังงาแนะนำไม่ให้เกษตรกรใช้ยาฆ่าหญ้าควรใช้สารจากธรรมชาติตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่เกษตรและใช้เครื่องตัดหญ้าคงวงจรธรรมชาติสู่การเกษตรที่ยั่งยืน 


เตือน! เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกาอย่าเร่งเก็บผลผลิตและเลิกใช้ยาฆ่าหญ้า


นายธีระพงษ์ ตันติเพชราภรณ์ กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสาลิกาที่พบคือต้นทุเรียนทรุดโทรมเกิดจากการติดผลแล้วไม่ได้ดูแลประกอบกับสภาพภูมิอากาศของอำเภอกะปงมีฝนตกชุกทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับเชื้อราได้ง่าย ซึ่งเกษตรกรต้องมีการปรับให้ทางเจ้าหน้าที่เกษตรเข้าแนะนำซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านการเกษตร อีกทั้งเกษตรกรบางรายประสบความสำเร็จในการปลูกทุเรียนสาลิกาซึ่งสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเกษตรกรรายอื่นได้อย่างดี บางรายใช้ยาฆ่าหญ้าเป็นปัญหาทำให้ยาฆ่าหญ้าทำลายรากต้นทุเรียนได้ 

เตือน! เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกาอย่าเร่งเก็บผลผลิตและเลิกใช้ยาฆ่าหญ้า

จึงมีการพูดคุยระหว่างเกษตรกรและนักวิชาการต้องการให้หยุดใช้ยาฆ่าหญ้าให้หันมาใช้เครื่องตัดหญ้าทำลายวัชพืชใต้ต้นทุเรียนจะเหมาะสมกว่า โดยจะส่งผลให้คุณภาพของทุเรียนสาลิกาดีขึ้นเนื่องจากไม่มีการใช้ยาเข้าช่วยในการให้ผลผลิต อีกปัญหาในเรื่องของการเก็บเกี่ยวพบว่ามีเกษตรกรบางรายเก็บเกี่ยวทุเรียนก่อนกำหนด เนื่องจากช่วงแรกที่ทุเรียนสาลิกาออกสู่ตลาดจะมีราคากิโลกรัมละ 250-300 บาท เป็นสิ่งจูงใจให้เกษตรกรเร่งเก็บผลผลิตทำให้เจอทุเรียนอ่อน ซึ่งทางกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสาลิกามีการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคในการตัดทุเรียนและเทคนิคในการดูแลทุเรียนด้วย ดังนั้นในปีนี้และอนาคตคาดว่าทุเรียนสาลิกาจะได้รับผลผลิตที่ดีมีมาตรฐาน และคุณภาพดียิ่งขึ้น สามารถตอบสนองต่อผู้บริโภคที่มีกำลังจ่ายสูงขึ้นและได้ทุเรียนที่มีคุณภาพดีและผู้ซื้อสามารถคืนได้หากทุเรียนไม่มีคุณภาพ




เตือน! เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกาอย่าเร่งเก็บผลผลิตและเลิกใช้ยาฆ่าหญ้า



ด้านนายนิพนธ์ สุขสะอาด เกษตรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดพังงารู้สึกเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนสาลิกา ในการดูแลรักษาแม้ว่าจะเป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองทนทานต่อสภาพพื้นที่ แต่สำหรับพี่น้องเกษตรกรส่วนหนึ่งที่ยึดติดกับการใช้สารเคมี โดยเฉพาะสารเคมีที่ใช้ฆ่าหญ้า พบว่ามีการใช้อยู่บ่อยๆ ทำให้มีผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่นทำลายจุลินทรีที่อยู่ในดิน ที่สำคัญจะทำลายระบบราก ซึ่งจะทำให้เชื้อชนิดอื่น เช่น เชื้อรากเน่า โคนเน่า จะทำลายต้นทุเรียน


เตือน! เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกาอย่าเร่งเก็บผลผลิตและเลิกใช้ยาฆ่าหญ้า

จึงแนะนำให้ใช้สารชีวะพันธุ์อื่นในการควบคุมแมลงศัตรูพืช เป็นการช่วยเกษตรกรลดต้นทุนและป้องกันไว้ตั้งแต่แรกไม่ให้เกิดปัญหาโรคระบาดจึงจะแก้ปัญหา การดูแลดีเป็นการเพิ่มผลผลิตด้วย พบว่าทุเรียนสาลิกาอายุ 20 ปี ขึ้นไป 1 ไร่ สามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 1 ตัน เป็นพืชที่ทำเงินให้เกษตรกรได้มาก แต่ละปีเกษตรกรมีรายได้ไร่ละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท สำหรับเกษตรกรที่ดูแลดี การตลาดดี ก็จะมีรายได้มากกว่านี้