svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เล็งยึดทรัพย์ - เอาผิดขั้นสูงสุด! ตรวจพบอาคารตลาดใหม่ดอนเมือง รุกล้ำคลองเปรมประชากร

"รอง ผบ.ตร." เข้าตรวจสอบ อาคารรุกล้ำคลองเปรมประชากร ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาติ สั่งรื้อถอน 15 วัน พร้อมเล็งยึดทรัพย์ และเอาผิด ผู้ที่เกี่ยวข้อง ตาม พรบ.ฟอกเงิน จากการตรวจค้น พบรูปถ่าย-นามบัตร ของอดีตผู้กำกับสันติบาล อยู่ในห้อง


ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อย. และสำนักงานเขตดอนเมือง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารภายในตลาดใหม่ดอนเมือง ส่วนที่ใช้ที่ดินราชพัสดุ ว่าถูกต้องตามสัญญาหรือไม่


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ นายบัญชา สืบกระพัน หัวหน้าฝ่ายโยธา สำนักงานเขตดอนเมือง เปิดเผยว่า อาคารพล่าซ่าริมน้ำ 2 ชั้น ขนาด ลึก 20 ยาว45 เมตร รุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ในบริเวณคลองเปรมประชากร มาประมาณ 20 เมตร และก่อสร้างมามากกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีความผิดชัดเจน ดังนั้น ทางสำนักงานฯ จึงมีคำสั่งให้ผู้ครอบครองอาคารมารื้อถอน อาคารพลาซ่า ภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการก็พิจารณาความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งต่อไป


จากนั้น พล.ต.อ.วิระชัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปปง. ได้เข้าตรวจสอบชั้นบนของอาคารพลาซ่าริมน้ำ ซึ่งพบว่า มีห้องที่มีป้ายเขียนข้อความเป็นออฟฟิศปฏิบัติการ ภายในมีโต๊ะทำงาน ที่มีร่องรอยของการรีบเร่งในการเก็บของ กองๆรวมกัน ซึ่งมีนามบัตรของ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตผู้กำกับสันติบาล ในฐานะที่ปรึกษาบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง ตกอยู่จำนวนหนึ่งกล่อง พร้อมกับบัตรผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีชื่อ พ.ต.ท.สันธนะ และรูปถ่ายของ พ.ต.ท.สันธนะ อยู่ในห้องดังกล่าวด้วย


ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิระชัย ระบุว่า พื้นที่ตลาดทั้งหมดมี 18 ไร่ โดยพบว่าบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง มีการจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ 63,000 บาทต่อเดือน แต่ไม่ทราบว่าบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง มีการปล่อยเช่าช่วง โดยไม่ทราบว่ามีการเรียกเก็บค่าเช่าที่เท่าใด และบางส่วนมีการบุกรุก ต่อเติมอาคารพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งการนำพื้นที่สาธารณะมาสร้างอาคารเพื่อการค้า ถือเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะให้ ปปง. เข้ามาตรวจสอบโดยละเอียด และทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดจะต้องตกเป็นของแผ่นดิน ร่วมถึงผู้ที่มีส่วนร่วมในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน จะต้องมีส่วนในการรับโทษทางกฎหมายด้วย โดยโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ซึ่งความผิดจะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน


ขณะที่นายวิทยา นีติธรรม เลขานุการกรม สำนักงาน ปปง. ระบุว่า ทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดจะต้องถูกยึด และจะต้องตกเป็นของแผ่นดิน และผู้ที่รับโอนทรัพย์สิน จะมีความผิดในคดีอาญา ฐานฟอกเงิน ทั้งนี้ จะตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้ง และจะต้องให้พนักงานสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน หากมีพยานหลักฐานครบถ้วนจะสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้


ทางด้านนายธีรธร แช่มสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายกรมธนารักษ์ ระบุว่า พื้นที่ทั้งหมดจะต้องตรวจสอบสัญญา ว่ามีการทำผิดสัญญาหรือไม่ โดยจะต้องตรวจสอบเป็นกรณีไป คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน โดยจะต้องตรวจสอบร่วมกับสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ