
แต่ยังมีเรื่องลึกลับซ่อนเงื่อนอีกมาก ดังที่เกิดเรื่องร้าย ที่มีการลอบสังหารคนใหญ่อย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2552 ด้วยกระสุนนับร้อย..ที่ซัลโวเข้ามา...แต่เขาก็รอดมาได้ และมาถีงตอนนี้ใกล้จะมาบรรจบครบทศวรรษแล้ว ก็ยังไม่สามารถคลี่คลายปมคดีได้ว่าใครยิง หรือใครสั่งการ!!
อย่างไรก็ดี หลังรอดตายมาได้ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ผู้เป็นเจ้าของสื่อระดับประเทศ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาบอกเล่าถึงนาทีเป็นนาทีตายขณะนั้นช่วงวันที่ 3 พ.ค.2552 หรือวันนี้เมื่อ 9 ปีก่อน
โดย สนธิ ลิ้มทองกุล แถลงข่าวเปิดใจครั้งแรกที่บ้านพระอาทิตย์ อย่างชนิดที่ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม และกล้าพูดเลยว่าคนที่ยิงนั้นน่าจะเป็นกลุ่มไหน!
ภาพจาก https://mgronline.com/crime/detail/9520000049457
แต่ที่น่าสนใจคือ ด้วยลีลาของคนที่คร่ำหวอดในสายสื่อ และการเมืองมานาน เขาถึงขนาดนั่งวิเคราะห์เรื่องราวอย่างลึกซึ่ง ละเอียดยิบ และมีมุมมองที่หลายคนคาดไม่ถึง โดยเขากล่าวว่า
"การลอบสังหารผมเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2552 นั้น มีอยู่ 2 มิติ เป็นมิติที่สำคัญมาก มิติแรก คือ การลอบสังหารผมในฐานะที่ผมเป็นสื่อมวลชนที่ตื่นขึ้นมาแล้วออกเดินทางไปทำหน้าที่โดยสุจริต เที่ยงตรง ตรงไปตรงมา รักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นส่วนรวม"
"มิติที่ 2 คือ การลอบสังหารผมในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในแกนนำมวลชนซึ่งเป็นภาคประชาชน ทั้งสองมิตินี้เป็นสองมิติที่อุกอาจ โหดเหี้ยม อำมหิต เป็นการกระทำของคนมีอำนาจและมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ"
ทั้งยังบอกว่า หากว่าสาเหตุเป็นไปตามมิติแรก ก็ถือว่าเป็นกระบวนการคุกคามสื่อที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย นั่นเพราะลักษณะการลอบสังหารนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว จากสาเหตุทั่วไป เช่น ขัดผลประโยชน์กลุ่มอิทธิพล
แต่สนธิระบุในทำนองที่ฟังแล้วต้องขนลุกคือ
และทันทีที่ทุกคนเห็นหน้าคนเหล็กผู้นั้น ก็รู้ทันทีว่าเขาคือ "สนธิ ลิ้มทองกุล" คนดัง!!!
โดยนอกจากเขาแล้ว ภายในรถยังมี อดุลย์ แดงประดับ ซึ่งเป็นคนขับรถ ถูกยิงอาการสาหัส คมกระสุนเจาะเข้าทรวงอกด้านขวาและต้นแขนขวาและศีรษะ ส่วนอีกรายคือ วายุพักตร์ มัตทะสิน ผู้ติดตาม ก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยโดยกระสุนถากที่ไหล่ซ้าย
ที่สุดทั้งหมดถูกนำตัวส่งวชิรพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้รีบนำตัวทั้ง สนธิ และอดุลย์ เข้าห้องผ่าตัดช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน จนอาการพ้นขีดอันตราย
ใครอ่านข่าวนี้แล้ว มากกว่าช็อค คือความแปลกใจว่า คนทั้งหมดรอดมาได้อย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า พบปลอกกระสุนปืนอาก้าจำนวน 64 นัด กระสุนเอสเค 17 นัด เอ็ม 16 จำนวน 3 นัด ตกกระจัดกระจายเกลื่อนถนน
นอกจากนี้ยังพบกระสุนปืนเอ็ม 79 ตกบนรถเมล์สาย 30 อีก 1 นัด โชคดีระเบิดไม่ทำงาน โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า รถของสนธิขับมาตามถนนสามเสน มุ่งหน้าไปทางบางลำพู เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีรถปิกอัพ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ขับตามประกบ ก่อนมือปืนซึ่งอยู่ด้านหลังของรถกระบะได้ยิงใส่ล้อรถนายสนธิจนยางแตก ก่อนกราดยิงเข้าใส่รถของนายสนธิ กว่า 100 นัด จากนั้นจึงขับรถหลบหนีไป
แน่นอนเวลานั้น สื่อทุกสำนักรายงานข่าวนี้ไม่ขาดระยะ และยังวิเคราะห์กันว่า งานนี้เป็นฝีมือของอริทางการเมืองฝ่ายไหน เพราะที่จริงต้องยอมรับเลว่า สนธิ ลิ้มทองกุล มีเรื่องกับทุกค่าย!! ด้วยความที่เป็นผู้ที่กล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์หลายฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา
ให้สัมภาษณ์เนชั่นสุดสัปดาห์ที่แรก ฉบับ 883
ทั้งนี้ สื่อบางแหล่งระบุว่า อาจเป็นคนมีสีระดับบิ๊กของประเทศ หรือแม้กระทั่งบางค่ายระบุว่าเป็นทหาร เนื่องจากหลักฐานเครื่องกระสุนทั้งหมดที่พบได้ในที่เกิดเหตุ ถูกผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการตีตราสัญลักษณ์ RTA = ROYAL THAI ARMY
เรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ยังยอมรับว่า เป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา
จริงอยู่ที่ในที่สุดมีการออกหมายจับ ผู้ต้องหา 3 ราย คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือ นายอรรถพล ปาทาน จนท.ศูนย์ข่าว บช.ปส.ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ, จ.ส.อ.ปัญญา หรือ ห่อ ศรีเหรา ทหารศูนย์สังกัดสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี จากนั้นไม่นานยังออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อยกองบังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี รวมผู้ต้องหาในคดีนี้ 3 คน
ให้สัมภาษณ์เนชั่นสุดสัปดาห์ที่แรก ฉบับ 883
โดยภายหลังราวปี 2556 จ.ส.อ.ปัญญา หรือ ห่อ ศรีเหรา เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ภายในบ้านพักไปก่อนที่ความจริงจะปรากฏ
แต่จากวันนั้นจนวันนี้ ความคืบหน้าของคดีก็ไม่มีออกมาอีกเลย คดีความถูกตัดตอนลงแค่ 3 หมายจับผู้ต้องหาเท่านั้น และเรื่องราวก็ค่อยๆ เงียบหายไปมาจนถึงวันนี้ ทั้งที่ เป็นไปได้ว่าผู้ถูกลอบยิงจนเกือบเสียชีวิต "รู้เต็มอก" ว่าฝีมือใครก็ตาม
เพราะหากวกกลับไปดูถึงการแถลงของสนธิ ลิ้มทองกุล ในวันที่ 2 พ.ค. ตามที่เล่ามาแต่ต้น จะพบว่า ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าใครทำ
โดยเขาระบุว่า เรื่องนี้ถ้าดูพฤติกรรมและรูปแบบของการลอบสังหาร จะพบว่ามีการใช้อาวุธสงครามล้วนๆ การยิงด้วยปืนอาก้า ปืน M-16 และตามด้วย M-79 อีก 2 ลูกที่ไม่ระเบิดออกมานั้น และคนที่ยิงนั้นก็ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
"ลักษณะการยิงซึ่งผมเห็นชัดด้วยสายตาผมเอง เป็นการยิงจากคนซึ่งถูกฝึกฝนมาที่ให้ใช้อาวุธประเภทนี้โดยเฉพาะ เพราะว่าคนที่นั่งอยู่ท้ายรถกระบะ ซึ่งห่างจากรถผมไปไม่ถึง 20 เมตร 15 เมตร ท่านั่งประทับยิงผมยังจดจำอยู่ในสายตาเลย เป็นท่าการฝึกยิงของทหารให้เห็นได้ชัด"
"เพราะฉะนั้นแล้ว ด้วยเหตุนี้ ประกอบกับองค์ประกอบหลายประการ การยิงผมนั้นใช้ขบวนรถ 4 คัน และเท่าที่ทราบมีคนที่เข้ามาร่วมด้วยนั้น ร่วมเยอะพอสมควร 10 คน หรือ 10 กว่าคน ประกอบกับภาวะเหตุการณ์ที่กล้องวงจรปิดนั้นเกิดเสียขึ้นกะทันหัน ถึง5 กล้อง ย่อมเป็นพยานแวดล้อมที่ทำให้เชื่อได้ ว่ามีการร่วมมือกันระหว่างผู้ที่มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามที่จะทำ และที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือว่า ในขณะที่ยิงนั้น ได้รับทราบเส้นทางเดินรถของผมตลอด แสดงว่าได้มีการเฝ้า จ้อง และมุ่งที่จะสังหารผมมาเป็นเวลานานพอสมควร"
และกับวรรคทองที่ว่า "โชคดีของเขา และโชคร้ายของผม" สนธิกล่าวว่า
"โชคดีของเขา และโชคร้ายของผมตรงที่ว่า ในช่วงวันหยุดนั้นเผอิญผมไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศหรือไปพักผ่อนที่ไหน และตัดสินใจที่จะมาออกรายการ Good Morning Thailand ตอนเช้า ก็เลยทำให้เขาทราบถึงการเดินทางของผมมาตลอด"
ให้สัมภาษณ์เนชั่นสุดสัปดาห์ที่แรก ฉบับ 883
"การที่มีรถ 4 คัน รออยู่เป็นจุดๆ และมีการขับปาดแซงผมไปทางซ้ายและเริ่มยิงผมก่อนทางซ้าย ข้างๆ แล้วให้รถคันหน้าซึ่งอยู่ข้างหน้าจอดและประทับยิงนั้น ไม่ใช่เป็นการกระทำของมือปืนมืออาชีพ แต่เป็นลักษณะของขบวนการที่ผมเรียกว่าทีมล่าสังหาร ซึ่งขบวนการแบบนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นส่วนบุคคล แต่ต้องผ่านการฝึกอบรมจากแหล่งต่างๆ ที่อาจจะมีการฝึกอบรมขบวนการล่าสังหาร เยอะแยะไปหมด"
กระทั่งเขาได้สรุปมาอย่างฟันธงว่า
"เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผมยืนยันได้ว่า ขบวนการลอบสังหารผมนั้น เป็นฝีมือของทหาร แล้วก็เป็นทหารบางคนเท่านั้นเอง ไม่ใช่เป็นฝีมือของกองทัพ เพราะกองทัพส่วนใหญ่นั้นเป็นทหารอาชีพ จะไม่ทำเรื่องที่น่าอัปยศอดสูเช่นนี้เป็นอันขาด"
อย่างไรก็ดี ยังมีการแถลงทั้งหมดคำต่อคำ ในส่วนที่เหลือ ซึ่งสามารถอ่านได้จากลิงค์นี้ http:// https://mgronline.com/crime/detail/9520000049457
โดยหากถามว่า สุดท้ายแล้ว "ตัวการใหญ่" ผู้บงการอยู่เบื้องหลังคือใคร คงมีไม่มีกี่คนเท่านั้นที่รู้จริง!
//////////////////
ขอบคุณภาพข้อมูลจาก