svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

3 พ.ค.2552 เล่านาทีกระสุนเดือด "โชคดีของเขา โชคร้ายของผม!

เรื่องร้าย การลอบสังหารคนใหญ่อย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล ด้วยกระสุนนับร้อย..ที่ซัลโวเข้ามา...แต่เขาก็รอดมาเล่าให้คนไทยฟังความจริงที่เกิดขึ้น!!

การเมืองไทย วุ่นวาย ซับซ้อน และยาวนานไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของนักการเมือง เรื่องของสื่อมวลชน และประชาชน ที่ถือว่ามีพลังสำคัญในการคงอยู่ของนักการเมืองด้วย

 แต่ยังมีเรื่องลึกลับซ่อนเงื่อนอีกมาก ดังที่เกิดเรื่องร้าย ที่มีการลอบสังหารคนใหญ่อย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2552 ด้วยกระสุนนับร้อย..ที่ซัลโวเข้ามา...แต่เขาก็รอดมาได้ และมาถีงตอนนี้ใกล้จะมาบรรจบครบทศวรรษแล้ว ก็ยังไม่สามารถคลี่คลายปมคดีได้ว่าใครยิง หรือใครสั่งการ!!





3 พ.ค.2552  เล่านาทีกระสุนเดือด  "โชคดีของเขา โชคร้ายของผม!

อย่างไรก็ดี หลังรอดตายมาได้ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ผู้เป็นเจ้าของสื่อระดับประเทศ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาบอกเล่าถึงนาทีเป็นนาทีตายขณะนั้นช่วงวันที่ 3  พ.ค.2552  หรือวันนี้เมื่อ 9 ปีก่อน





โดย สนธิ ลิ้มทองกุล แถลงข่าวเปิดใจครั้งแรกที่บ้านพระอาทิตย์ อย่างชนิดที่ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม และกล้าพูดเลยว่าคนที่ยิงนั้นน่าจะเป็นกลุ่มไหน!

3 พ.ค.2552  เล่านาทีกระสุนเดือด  "โชคดีของเขา โชคร้ายของผม!

ภาพจาก https://mgronline.com/crime/detail/9520000049457

แต่ที่น่าสนใจคือ ด้วยลีลาของคนที่คร่ำหวอดในสายสื่อ และการเมืองมานาน เขาถึงขนาดนั่งวิเคราะห์เรื่องราวอย่างลึกซึ่ง ละเอียดยิบ และมีมุมมองที่หลายคนคาดไม่ถึง โดยเขากล่าวว่า




"การลอบสังหารผมเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2552 นั้น มีอยู่ 2 มิติ เป็นมิติที่สำคัญมาก มิติแรก คือ การลอบสังหารผมในฐานะที่ผมเป็นสื่อมวลชนที่ตื่นขึ้นมาแล้วออกเดินทางไปทำหน้าที่โดยสุจริต เที่ยงตรง ตรงไปตรงมา รักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นส่วนรวม"




"มิติที่ 2 คือ การลอบสังหารผมในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในแกนนำมวลชนซึ่งเป็นภาคประชาชน ทั้งสองมิตินี้เป็นสองมิติที่อุกอาจ โหดเหี้ยม อำมหิต เป็นการกระทำของคนมีอำนาจและมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ"

ทั้งยังบอกว่า หากว่าสาเหตุเป็นไปตามมิติแรก ก็ถือว่าเป็นกระบวนการคุกคามสื่อที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย นั่นเพราะลักษณะการลอบสังหารนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว จากสาเหตุทั่วไป เช่น ขัดผลประโยชน์กลุ่มอิทธิพล

แต่สนธิระบุในทำนองที่ฟังแล้วต้องขนลุกคือ

3 พ.ค.2552  เล่านาทีกระสุนเดือด  "โชคดีของเขา โชคร้ายของผม!




และทันทีที่ทุกคนเห็นหน้าคนเหล็กผู้นั้น ก็รู้ทันทีว่าเขาคือ "สนธิ ลิ้มทองกุล" คนดัง!!!

โดยนอกจากเขาแล้ว ภายในรถยังมี อดุลย์ แดงประดับ ซึ่งเป็นคนขับรถ ถูกยิงอาการสาหัส คมกระสุนเจาะเข้าทรวงอกด้านขวาและต้นแขนขวาและศีรษะ ส่วนอีกรายคือ วายุพักตร์ มัตทะสิน ผู้ติดตาม ก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยโดยกระสุนถากที่ไหล่ซ้าย

ที่สุดทั้งหมดถูกนำตัวส่งวชิรพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้รีบนำตัวทั้ง สนธิ และอดุลย์ เข้าห้องผ่าตัดช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน จนอาการพ้นขีดอันตราย

3 พ.ค.2552  เล่านาทีกระสุนเดือด  "โชคดีของเขา โชคร้ายของผม!

          ใครอ่านข่าวนี้แล้ว มากกว่าช็อค คือความแปลกใจว่า คนทั้งหมดรอดมาได้อย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า พบปลอกกระสุนปืนอาก้าจำนวน 64 นัด กระสุนเอสเค 17 นัด เอ็ม 16 จำนวน 3 นัด ตกกระจัดกระจายเกลื่อนถนน

นอกจากนี้ยังพบกระสุนปืนเอ็ม 79 ตกบนรถเมล์สาย 30 อีก 1 นัด โชคดีระเบิดไม่ทำงาน โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า รถของสนธิขับมาตามถนนสามเสน มุ่งหน้าไปทางบางลำพู เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีรถปิกอัพ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ขับตามประกบ ก่อนมือปืนซึ่งอยู่ด้านหลังของรถกระบะได้ยิงใส่ล้อรถนายสนธิจนยางแตก ก่อนกราดยิงเข้าใส่รถของนายสนธิ กว่า 100 นัด จากนั้นจึงขับรถหลบหนีไป

          แน่นอนเวลานั้น สื่อทุกสำนักรายงานข่าวนี้ไม่ขาดระยะ และยังวิเคราะห์กันว่า งานนี้เป็นฝีมือของอริทางการเมืองฝ่ายไหน เพราะที่จริงต้องยอมรับเลว่า สนธิ ลิ้มทองกุล มีเรื่องกับทุกค่าย!! ด้วยความที่เป็นผู้ที่กล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์หลายฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา

3 พ.ค.2552  เล่านาทีกระสุนเดือด  "โชคดีของเขา โชคร้ายของผม!

ให้สัมภาษณ์เนชั่นสุดสัปดาห์ที่แรก ฉบับ 883




ทั้งนี้ สื่อบางแหล่งระบุว่า อาจเป็นคนมีสีระดับบิ๊กของประเทศ หรือแม้กระทั่งบางค่ายระบุว่าเป็นทหาร เนื่องจากหลักฐานเครื่องกระสุนทั้งหมดที่พบได้ในที่เกิดเหตุ ถูกผลิตโดยกรมสรรพาวุธทหารบก มีการตีตราสัญลักษณ์ RTA = ROYAL THAI ARMY

เรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ยังยอมรับว่า เป็นกระสุนที่มาจากกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ในสายงานการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นกระสุนที่ใช้ในการฝึกยิงและได้มีการรั่วไหลออกมา





จริงอยู่ที่ในที่สุดมีการออกหมายจับ ผู้ต้องหา 3 ราย คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือ นายอรรถพล ปาทาน จนท.ศูนย์ข่าว บช.ปส.ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ, จ.ส.อ.ปัญญา หรือ ห่อ ศรีเหรา ทหารศูนย์สังกัดสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี จากนั้นไม่นานยังออกหมายจับ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อยกองบังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี รวมผู้ต้องหาในคดีนี้ 3 คน

3 พ.ค.2552  เล่านาทีกระสุนเดือด  "โชคดีของเขา โชคร้ายของผม!

ให้สัมภาษณ์เนชั่นสุดสัปดาห์ที่แรก ฉบับ 883

โดยภายหลังราวปี 2556 จ.ส.อ.ปัญญา หรือ ห่อ ศรีเหรา เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก ภายในบ้านพักไปก่อนที่ความจริงจะปรากฏ




แต่จากวันนั้นจนวันนี้ ความคืบหน้าของคดีก็ไม่มีออกมาอีกเลย คดีความถูกตัดตอนลงแค่ 3 หมายจับผู้ต้องหาเท่านั้น และเรื่องราวก็ค่อยๆ เงียบหายไปมาจนถึงวันนี้ ทั้งที่ เป็นไปได้ว่าผู้ถูกลอบยิงจนเกือบเสียชีวิต "รู้เต็มอก" ว่าฝีมือใครก็ตาม

เพราะหากวกกลับไปดูถึงการแถลงของสนธิ ลิ้มทองกุล ในวันที่ 2 พ.ค. ตามที่เล่ามาแต่ต้น จะพบว่า ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าใครทำ

โดยเขาระบุว่า เรื่องนี้ถ้าดูพฤติกรรมและรูปแบบของการลอบสังหาร จะพบว่ามีการใช้อาวุธสงครามล้วนๆ การยิงด้วยปืนอาก้า ปืน M-16 และตามด้วย M-79 อีก 2 ลูกที่ไม่ระเบิดออกมานั้น และคนที่ยิงนั้นก็ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี




"ลักษณะการยิงซึ่งผมเห็นชัดด้วยสายตาผมเอง เป็นการยิงจากคนซึ่งถูกฝึกฝนมาที่ให้ใช้อาวุธประเภทนี้โดยเฉพาะ เพราะว่าคนที่นั่งอยู่ท้ายรถกระบะ ซึ่งห่างจากรถผมไปไม่ถึง 20 เมตร 15 เมตร ท่านั่งประทับยิงผมยังจดจำอยู่ในสายตาเลย เป็นท่าการฝึกยิงของทหารให้เห็นได้ชัด"




"เพราะฉะนั้นแล้ว ด้วยเหตุนี้ ประกอบกับองค์ประกอบหลายประการ การยิงผมนั้นใช้ขบวนรถ 4 คัน และเท่าที่ทราบมีคนที่เข้ามาร่วมด้วยนั้น ร่วมเยอะพอสมควร 10 คน หรือ 10 กว่าคน ประกอบกับภาวะเหตุการณ์ที่กล้องวงจรปิดนั้นเกิดเสียขึ้นกะทันหัน ถึง5 กล้อง ย่อมเป็นพยานแวดล้อมที่ทำให้เชื่อได้ ว่ามีการร่วมมือกันระหว่างผู้ที่มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามที่จะทำ และที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือว่า ในขณะที่ยิงนั้น ได้รับทราบเส้นทางเดินรถของผมตลอด แสดงว่าได้มีการเฝ้า จ้อง และมุ่งที่จะสังหารผมมาเป็นเวลานานพอสมควร"

และกับวรรคทองที่ว่า "โชคดีของเขา และโชคร้ายของผม" สนธิกล่าวว่า





"โชคดีของเขา และโชคร้ายของผมตรงที่ว่า ในช่วงวันหยุดนั้นเผอิญผมไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศหรือไปพักผ่อนที่ไหน และตัดสินใจที่จะมาออกรายการ Good Morning Thailand ตอนเช้า ก็เลยทำให้เขาทราบถึงการเดินทางของผมมาตลอด"

3 พ.ค.2552  เล่านาทีกระสุนเดือด  "โชคดีของเขา โชคร้ายของผม!

ให้สัมภาษณ์เนชั่นสุดสัปดาห์ที่แรก ฉบับ 883




"การที่มีรถ 4 คัน รออยู่เป็นจุดๆ และมีการขับปาดแซงผมไปทางซ้ายและเริ่มยิงผมก่อนทางซ้าย ข้างๆ แล้วให้รถคันหน้าซึ่งอยู่ข้างหน้าจอดและประทับยิงนั้น ไม่ใช่เป็นการกระทำของมือปืนมืออาชีพ แต่เป็นลักษณะของขบวนการที่ผมเรียกว่าทีมล่าสังหาร ซึ่งขบวนการแบบนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นส่วนบุคคล แต่ต้องผ่านการฝึกอบรมจากแหล่งต่างๆ ที่อาจจะมีการฝึกอบรมขบวนการล่าสังหาร เยอะแยะไปหมด"

กระทั่งเขาได้สรุปมาอย่างฟันธงว่า




"เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผมยืนยันได้ว่า ขบวนการลอบสังหารผมนั้น เป็นฝีมือของทหาร แล้วก็เป็นทหารบางคนเท่านั้นเอง ไม่ใช่เป็นฝีมือของกองทัพ เพราะกองทัพส่วนใหญ่นั้นเป็นทหารอาชีพ จะไม่ทำเรื่องที่น่าอัปยศอดสูเช่นนี้เป็นอันขาด"

อย่างไรก็ดี ยังมีการแถลงทั้งหมดคำต่อคำ ในส่วนที่เหลือ ซึ่งสามารถอ่านได้จากลิงค์นี้ http:// https://mgronline.com/crime/detail/9520000049457

โดยหากถามว่า สุดท้ายแล้ว "ตัวการใหญ่" ผู้บงการอยู่เบื้องหลังคือใคร คงมีไม่มีกี่คนเท่านั้นที่รู้จริง!

//////////////////

ขอบคุณภาพข้อมูลจาก

 http:// https://mgronline.com/crime/detail/9520000049457

http:// https://mgronline.com/crime/detail/9520000049457