
ข่าวที่เกี่ยวข้อง(คลิป) ฟังชัดๆ จ่าคนจริง! ข้องใจ ผลสอบหักเบี้ยเลี้ยงซื้อแอร์เดินหน้าเอาผิดวินัยผู้บังคับบัญชา
ที่ห้องประชุมศปก.สน.พหลโยธิน เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 28 มีนาคม พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รอง ผบก.น.2 อดีต ผกก.สน.พหลโยธิน ฐานะหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงศ์หอมหวล ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.คมสันต์ บดิกาญจน์ รอง ผกก.สส.สน.พหลโยธิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน จำนวน 10 นาย ร่วมแถลงชี้แจงการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว
พล.ต.ต.เอกชัย เปิดเผยว่า จากกรณีที่จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผบ.หมู่ สส.สน.พหลโยธิน ร้องเรียนต่อ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ว่าสารวัตรสืบสวน 2 นายสั่งการขอหักเงินเบี้ยเลี้ยงจากตำรวจชั้นผู้น้อย 11 นาย เพื่อใช้จัดซื้อเครื่องปรับอากาศติดตั้งในห้องสืบสวน สน.พหลโยธิน ตามที่ทราบกันหลังจากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงตำรวจฝ่ายสืบสวนทั้ง 10 นาย ให้การสอดคล้องต้องกันว่า เงินที่เก็บไปนั้นเป็นความสมัครใจทั้งหมด ยกเว้นผู้ร้องคือจ.ส.ต.เลอศักดิ์ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยินยอม ซึ่งการเก็บเงินมีการหารือกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งทางผู้ร้องคงคิดว่าการซื้อแอร์มาติดน่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากงบของทางราชการมาซื้อ
พล.ต.ต.เอกชัย กล่าวต่อว่า และจากการสอบถามสารวัตรทั้ง 2 คนทราบว่าที่ไม่ปรึกษาทางผกก. นั้นเพราะไม่อยากจะรบกวนท่าน เพราะเห็นว่าเป็นการจัดการภายในฝ่ายสืบสวน การหารือซื้อแอร์มาติดห้องทำงานก็เป็นการใช้ส่วนรวม ไม่ได้เป็นการติดใช้ส่วนตัว ในส่วนนี้การหักเงินก็ไม่ได้เป็นการหักจากบัญชี แต่เป็นการนำเงินสดมาให้
พล.ต.ต.เอกชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการติดตั้งแอร์นั้นทราบว่าจะต้องใช้เงินประมาณ 33,000 บาท เป็นเงินที่เก็บจากตำรวจฝ่ายสืบสวนได้จำนวน 25,000 บาท ส่วนสารวัตรทั้ง 2 คนช่วยกันออกจำนวน 8,000 บาท อย่างไรก็ตามการร้องเรียนครั้งนี้ไม่มีประเด็นใดที่มีปัญหามาเกี่ยวข้องทุกฝ่ายทำงานเป็นปกติ ซึ่งอาจจะเป็นการเข้าใจผิด หลังจากนี้จะต้องมีการทำความเข้าใจ และจะให้ผกก.ทำเรื่องเบิกงบนำเงินคืนให้กับทุกคนแต่ใครจะรับหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน
ด้านพ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเงินที่ทางฝ่ายสืบสวนไปปฏิบัติหน้าที่ด่านความมั่นคง ช่วงเดือน พฤษภาคม จนถึงเดือน มิถุนายน 2560 ซึ่งตกเบิกมาเมื่อเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา และเงินทั้งหมดจะต้องเข้าบัญชีของแต่ละคน หลังจากนั้นได้มีการพูดคุยกันภายในฝ่ายสืบสวนว่าจะมีการซ่อมแซมแอร์ที่เสีย ก็เลยขอความร่วมมือกับตำรวจทั้ง 11 นาย ที่มีเบี้ยเลี้ยงตัวนี้เข้ามา ซึ่งทางผู้ร้องก็ได้นำเงินมาร่วมกับคนอื่นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นการจ่ายเงินทางผู้ร้องคงไม่เต็มใจให้แต่เห็นว่าส่วนใหญ่ให้จึงต้องจำยอม ถ้ามองการกระทำของสว.ทั้ง 2 คน เป็นเจตนาที่จะทำเพื่อส่วนรวม และไม่รบกวนงบประมาณของทางราชการ หรือผู้ประกอบการ เพราะเป็นการจัดการภายในฝ่ายสืบสวน อย่างไรก็ตามในส่วนนี้ตนไม่ลำบากใจเนื่องจากตนเพิ่งรับทราบ ถ้าได้รับทราบเรื่องมาก่อนหน้านี้ก็จะไม่ให้มีการเก็บเงินดังกล่าว หลังจากนี้จะต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นกว่านี้ ซึ่งตนก็จะลงดูแลให้ใกล้ชิดมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ทางเวลา ประมาณ 22.00 น. จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผบ.หมู่ สส.สน.พหลโยธิน ได้เดินทางมายังสน.พหลโยธิน เพื่อมาขอดูบันทึกการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมระบุว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าผลการแถลงข้อเท็จจริงจะออกมาในรูปแบบใด โดยยืนยันว่าไม่ได้ยินยอมจ่ายเงินด้วยความสมัครใจ
หลังจากจ.ส.ต.เลอศักดิ์ ได้อ่านผลสอบข้อเท็จจริงแล้ว ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนไม่ติดใจกับผลการตรวจสอบและต้องยอมรับในผลการสอบสวนของทางผู้บังคับบัญชา แต่ส่วนตัว คือไม่ยอมรับการจ่ายเงินในส่วนนี้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ซึ่งหากตัวเองยอมรับ และสมัครใจจ่ายเงินก็คงไม่มาแจ้งความอย่างนี้ การกระทำดังกล่าวเหมือนกับโดนบังคับให้จ่ายเงิน นี่คือสถานที่ราชการ เงินส่วนกลางของสถานีตำรวจก็มีอยู่แล้ว จึงไม่เห็นสมควรว่าจะต้องเรียกเก็บเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตำรวจอีก
"อย่างไรก็ตามแม้ผลการสอบสวนในครั้งนี้จะออกมาเป็นเช่นไร หลังจากนี้ก็จะเดินหน้าในเรื่องของคดีความต่อไป ยืนยันว่าเรื่องนี้จะต้องมีคนผิดอย่างแน่นอน และกำลังคิดต่อไปว่าจะยุติอาชีพตำรวจ หรือไม่อย่างไร หรือแม้จะถูกย้ายไปที่อื่นก็ไม่เป็นไร ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนทำงานอย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอด ซึ่งถ้าจะให้ไปอยู่ที่ภาคใต้ไปแบกปืนผมก็ยอม ดูมีศักดิ์ศรีมากกว่าอีก" จ.ส.ต.เลอศักดิ์ ระบุ