"ปลานกแก้ว" หลากสีสันที่เห็นอยู่นี้เป็นปลาที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศแนวปะการัง แต่มันได้กลายเป็นอาหารทะเลยอดนิยมไปแล้วอย่างที่ตลาดอาหารทะเลสด ตลาดซีฟูดส์ Rawai Seafood Market หรือตลาดทะเลราไวย์ ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต บรรดาพ่อค้า แม่ค้า นำปลานกแก้วมาขายกันเกลื่อนชายหาด
ทีมข่าวฯ เดินทางไปจังหวัดภูเก็ต และพบว่าราคาปลานกแก้วนี้ ถ้าลูกค้าเป็นคนไทยจะขายกิโลกรัมละ 50 บาทแต่หากเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือชาติอื่นๆ ราคาจะสูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท เนื่องจากปัจจุบันตลาดสดซีฟูดส์คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตและมักนิยมมาบริโภคอาหารทะเลที่เลือกซื้อแล้วให้ร้านอาหารปรุงกันสดๆ ใหม่ๆโดยเฉพาะร้านอาหารที่เปิดโดยคนจีนด้วยกันเอง
เหตุนี้ "ปลานกแก้ว" จึงกลายเป็นเมนูโอชะที่ชาวจีนนิยมรับประทานโดยเฉพาะ ปลานกแก้วนึ่งซีอิ๊ว ปลาทอดราดเต้าเจี้ยว ปลานกแก้วเผา ขณะที่ชาวญี่ปุ่นก็รับประทานปลานกแก้วแบบปลาดิบหรือ"ซาซิมิ" ด้วย "ปลานกแก้ว" ที่วางขายกันเรียงราย มีทั้งขนาดเล็กตัวละ 3 ขีด ถึงครึ่งกิโลกรัม บางตัวขนาดใหญ่กว่า 2 กิโลกรัม มีทั้งปลาตายแล้วแช่น้ำแข็ง บางร้านเน้นความสดของปลาเป็นจุดขายก็จะนำปลานกแก้วที่ยังมีชีวิตใส่ไว้ในตู้กระจก
นอกจากนี้ยังพบหอยทะเลสวยงามถูกนำขึ้นมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วยที่ผ่านมีการรณรงค์มาตลอดไม่ต่ำกว่า 5 ปี เพื่อให้ "ปลานกแก้ว" เป็นสัตว์ทะเลคุ้มครองตามกฎหมาย เนื่องจากปลานกแก้วมักอาศัยตามแนวปะการังช่วยรักษาระบบนิเวศ แต่เมื่อไม่มีการขึ้นทะเบียนปลานกแก้วเป็นสัตว์ทะเลคุ้มครองทำให้การจับปลานกแก้ว ไม่มีความผิดตามกฎหมาย ยกเว้นจะเป็นการจับในเขตอนุรักษ์ อาทิเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล หรือตามแนวประการังหรือใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายเท่านั้น จึงจะสามารถเอาผิดได้ หลายปีก่อนกลุ่มผู้พิทักษ์ปะการังReef Guardian Thailand ได้ล่ารายชื่อกว่า 2 หมื่นรายชื่อ ให้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งยุติการขายปลานกแก้วได้สำเร็จ
แต่การพบปลานกแก้วขายเกลื่อนชายหาดและตลาดอาหารทะเลสดสะท้อนถึงปัญหาที่ยังเรื้อรัง ทั้งๆ ที่กระทบกับระบบนิเวศตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติของท้องทะเลไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะกฎหมายเอาผิดอะไรไม่ได้ทางแก้นอกจากปรับปรุงกฎหมายยังต้องปลุกจิตสำนึกให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของปลานกแก้วด้วยและอย่าให้บรรยากาศการท่องเที่ยวที่คึกคักส่งผลทำลายทรัพยากรธรรมชาติและท้องทะเลบ้านเรา