svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"เสรีพิศุทธ์" สอนสีกากี... อย่าบิดคดีเพื่อผลประโยชน์

นอกจากวันพรุ่งนี้สังคมไทยจะได้รู้กันเสียทีว่า "ล็อตเตอรี่ 30 ล้าน" เป็นของใคร แต่ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ทุกฝ่ายไม่ควรมองข้ามไป นั่นก็คือปัญหาการรวบรวมพยานหลักฐานและทำสำนวนคดีของตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลให้มีการออกคำสั่งย้ายตำรวจ 3 นายออกจากพื้นที่มาแล้ว คือ ผู้การจังหวัดกาญจนบุรี พลตำรวจตรี สุทธิ พวงพิกุล และพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรีอีก 2 คน ฉะนั้นจึงสรุปได้ในเบื้องต้นว่า การทำสำนวนคดีมีปัญหาแน่ๆ แถมยังมีเอกสารลับหลุดออกมาแฉพฤติการณ์ของ "บิ๊กตำรวจเมืองกาญจน์" ในทำนองเข้าไปแทรกแซงการทำสำนวนคดีโดยมิชอบ สั่งการให้เขียนคำให้การของพยานใหม่ เพื่อให้น้ำหนักหลักฐานของ "ครูปรีชา" มีมากขึ้น

ประเด็นนี้ "ล่าความจริง" มีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เจ้าของฉายา "วีรบุรุษนาแก" และ "มือปราบตงฉิน" ได้รับคำตอบว่า ปัญหาการแทรกแซงการสอบสวนคดีของนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชานั้น มีให้เห็นอยู่ตลอด ปัญหาอยู่ที่ว่า คนที่เข้าไปแนะนำการทำคดีนั้น จะแนะนำไปในทิศทางไหน เพราะการสอบสวนเป็นอำนาจการบังคับบัญชา หากลูกน้องทำไม่ดี ผู้บังคับบัญชาก็สามารถตรวจสอบได้ แต่หากผู้บังคับบัญชาคนนั้นกลับมีพฤติกรรมไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์เสียเอง อย่างกรณีหวย 30 ล้าน ตัวของ "บิ๊กตำรวจเมืองกาญจน์" มีอำนาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสอบสวนหรือไม่ ถ้าเข้าไปในทางที่เหมาะสมก็จะเกิดผลดี แต่ถ้าเข้าไปไม่เหมาะสม รูปคดีก็จะเปลี่ยนไป เรื่องแบบนี้แม้แต่ตุลาการยังเคยโดนไล่ออกมาแล้ว ไปฟังเสียงกันค่ะ
อดีต ผบ.ตร.เจ้าของฉายา "วีรบุรุษนาแก" ยังบอกอีกว่า การปฏิรูปงานสอบสวนนั้น ควรพัฒนา 2 ส่วน คือ 1.การพัฒนาตัวพนักงานสอบสวนเอง กับ 2.การพัฒนาระบบ แต่ตำรวจยุคนี้ ระดับอดีต ผบ.ตร.ยังบอกว่างานตำรวจเป็นแค่ไซด์ไลน์ ก็ต้องไปคิดว่าจะปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จ ต้องแก้ที่คนหรือระบบกันแน่
ทัศนะของ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก็น่าคิดนะคะ เพราะว่าถ้าคนที่ทำงานตำรวจเป็นไซด์ไลน์ ส่วนงานหลักคือทำธุรกิจ คนแบบนี้ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะโทษคนหรือโทษระบบดี แต่ปัญหาในคดีหวยอลวน 30 ล้าน ฝั่งสีกากีต้องมีคนรับผิดชอบค่ะ