น.ส.บุญศรี กล่าวว่า ตนจะให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุคือพื้นที่อะไร พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านเสรีวิลล่า ซึ่งมีการจัดสรรที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว และมีระบบสาธารณูปโภคเพื่ออยู่อาศัย เพราะฉะนั้นเดิมก่อนหน้านี้ที่ซื้อที่ดินดังกล่าวไม่เคยมีตลาดอยู่เลย ต่อมามีตลาดมาก่อสร้างติดกับบ้านที่พักอาศัยทั้งฝั่งซ้ายและขวา รวมถึงด้านหลัง ถูกจัดให้เป็นที่จอดรถ มีการก่อสร้างเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ติดกับบ้านพัก มีคนงานปีนขึ้นลงทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นอันตรายมาก ฝนตกน้ำก็เทเข้าบ้าน ต่อมามีการสั่งให้รื้อถอนออกไป ปรากฎว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไปออกใบอนุญาตทับซ้อนอยู่บนพื้นที่ที่มีกรณีพิพาทอยู่ ซึ่งมีการฟ้องร้องต่อศาลในคดีดำที่ 1687/2552 สร้างความเดือดร้อนเสียหายมาก และไม่ได้ออกซ้อนเพียง 2 ที่เท่านั้น แต่ยังออกให้กับตลาดในพื้นที่ต่างๆ รวม 7-8 แห่ง
ได้มีการละเลยให้มีการทำตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และมีการดัดแปลงอาคารทำเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตเปิดอยู่ตรงข้ามหน้าบ้านอีก ด้านซ้ายของบ้านเป็นตลาดมีรถมาจอดชิดกำแพงตลอดยาว 55 เมตร ด้านหลังก็ทำเป็นที่จอดรถของตลาดซึ่งทำไว้เป็นที่ดินเพื่ออยู่อาศัย บ้านถูกล้อมรอบด้วยตลาดก่อมลภาวะพิษ ทั้งควันรถ ควันอาหารทุกอย่าง เสียงรบกวนชาวบ้านทั้งกลางวันกลางคืนยามวิกาล บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ที่อยู่อาศัย ซึ่งที่ดินดังกล่าวได้รับใบอนุญาตในการจัดสรรที่ดินเป็นบ้านเดี่ยว ตามหมายเลขที่ 70/2526 ให้เป็นที่ดินจัดสรรเป็นหมู่บ้าน 289 แปลง ไม่มีการพาณิชย์และไม่มีการอุตสาหกรรม มีระบบสาธารณูปโภคเพื่ออยู่อาศัย
น.ส.บุญศรี กล่าวต่อว่า ได้มีการฟ้องร้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขตประเวศ สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบุคคลทั้ง 4 ที่ได้มีการฟ้องร้องกันอยู่ ซึ่งไม่เคยคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนว่านี่คือที่อยู่อาศัย แต่ไปทำให้มีตลาดเกิดขึ้นอยู่ในบ้านก็ไม่ได้ ทำลายความสงบสุขทั้งกลางวันกลางคืน ในพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัย ตนออกจากบ้านก็เจอตลาด จอดรถกีดขวางหน้าบ้านทุกวันต้องรอจนกว่าเขาจะซื้อของให้เสร็จถึงจะได้ออกจากบ้าน พื้นที่ถนนซึ่งเป็นถนนของหมู้บ้านเสรีวิลล่า แต่ไปลาดยางมะตอยเพื่อทำถนนให้เป็นเส้นยาวเพื่อจะได้ทำตลาด ทั้งนี้ถนนดังกล่าวถูกระบุไว้ว่าเป็นสาธารณูปโภคเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งตนได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองถึง 2 คดีด้วยกัน คือคดีดำที่ 1687/2552 และคดีแดงที่ 553/2556 ฉบับคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2556 และคดีสิ่งแวดล้อมดำ ส.1/2555 มีตลาดเต็มหมู่บ้านตนถามว่าทำได้อย่างไร โดยศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองอยู่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ว่า ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยผู้อำนวยการเขตประเวศใช้กฎหมายสาธารณสุข พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้ทำความเดือนร้อนกับผู้ฟ้องทั้ง 4 คือตนและครอบครัว และผู้ที่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่ให้ทำความเดือดร้อนในพื้นที่มูลคดีที่มีข้อพิพาท แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการบรรเทาทุกข์แต่ประการใดเลย มีการฟ้องร้องกันมาเป็น 10 ปีแล้วและตอนนี้ก็ยังมีการฟ้องร้องอยู่
น.ส.บุญศรี กล่าวอีกด้วยว่า เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัย คนที่มาจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกบ้าน ย่อมมีจิตสำนึกว่าควรหรือไม่ควร เขาจะออกจากบ้านไม่ว่าเวลาใด คุณไม่สามารถที่จะมาปิดกั้นทางเข้า-ออกเขาได้เลย ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนจะออกไปทำธุระนอกบ้านทั้ง 2 คัน ออกจากบ้านไม่ได้ กดแตร เอามือไปดูประตูแล้วก็ล็อค กระจกติดฟิล์มดำ เขย่ารถให้คนมาช่วยเคลื่อนรถก็ไม่สามารถขยับได้เลย มีการล็อคเกียร์ ล็อคเบรคมือ แล้วไปซื้อของในตลาด กดแตรเท่าไหร่ และได้โทรศัพท์ไปที่ 191 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ 1555 แจ้งความเดือดร้อนไม่มีใครมา จะให้ทำอย่างไร คุณป้าทั้ง 2 ก็สุดวิสัย ต้องใช้สิทธิ์อันชอบธรรมที่จะทำให้สิ่งกีดขวางนี้ออกไป แต่ก็ยังออกไปไม่ได้ ซึ่งวันที่เกิดเหตุก็ยังมีการทำตลาดซึ่งเป็นวันพักผ่อน วันเสาร์-อาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดทุกวัน ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเนื่องจากต้องการพักผ่อน ไม่สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เลย ต้องปิดประตูบ้านหน้าต่างหมด ควันพิษเข้าบ้าน ทำตลาดเปิดเพลงเสียงดังพูดโฆษณาสินค้าต่างๆ ไม่มีเกรงอกเกรงใจเลย คนที่เข้ามาได้มาละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นในที่อยู่อาศัย มีการทำตลาดจัดเตรียมของตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน หากถามว่าเดือดร้อนหรือไม่ต้นตอบได้ว่าเดือดร้อนมากได้มีการฟ้องศาลแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการดูแลคุ้มครอง ผู้อำนวยการเขตประเวศละเลย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไปออกใบอนุญาตได้อย่างไรในพื้นที่จัดสรรเพื่อที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว ไม่ใช่ตนเดือดร้อนเพียงครอบครัวเดียว ประชาชนเข้า-ออกบ้านไม่ได้ ขาหักออกจากบ้านไม่ได้ ไม่สบายก็ออกจากบ้านไม่ได้ สลิงที่ปิดกั้นไว้หน้าบ้านเคยมีการเอารถมาเสียบชิดประตูบ้านจนจะพังอยู่แล้ว เพื่อขนถ่ายสินค้าทั้งกลางวันและกลางคืน จอดรถขวางเป็นแนวตั้ง ใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคาม ฟ้องเรื่องละเมิดตลาด ลอบวางเพลิง ใส่ร้ายป้ายสี ค้าประเวณี ส่งหญิงข้ามชาติ ค้าสิ่งเสพติด
น.ส.รัตนฉัตร กล่าวเสริมว่า และมีการนำบ้านเลขที่ที่ตนอยู่ไปจัดตั้งตลาดและรับแรงงานต่างด้าว ซึ่งตนเอาผิดเขาไม่ได้เลย ต้องฝากให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาด และเกิดปัญหาในกรณีของคุณแม่ที่ไม่สบายเป็นโรคเกี่ยวกับเรื่องปอด เข้า-ออกบ้านลำบากไม่สามารถเข้า-ออกบ้านได้อย่างสะดวกเพราะมีรถจอดกีดขวางอยู่ ทำให้ต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานหลายเดือน ตอนนี้คุณแม่ได้เสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว ส่วนกรณีของคุณพ่อเสียชีวิตเป็นของเพื่อนบ้านหลังอื่น นอกจากนี้อยากจะให้เพื่อนบ้านหลังอื่นที่ได้รับความเดือนร้อนเช่นกันช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ส่วนกรณีที่ตำรวจนำหมายเรียกมาติดไว้ที่หน้าบ้านหากตนสะดวกวันไหนก็จะไปเข้าพบเจ้าหน้าที่
"เราเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาเป็น 10 ปี และทุกครั้งเราต้องรอให้เขาซื้อของจนเสร็จ เราต้องรอ ไม่มีใครมาช่วย ครั้งนี้ที่เกิดขึ้นรุนแรงเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะมีการกดแตรนานกว่า 30 นาที และเมื่อเจ้าของรถมาถึงกลับบอกว่าเขาได้ยินเสียงแตรนานแล้ว แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ เป็นคำพูดในลักษณะเดิมๆ เป็นคุณจะไม่โกรธหรอ" น.ส.รัตนฉัตร กล่าว
น.ส.ยุวนุช เพื่อนบ้านที่เคยประสบเหตุตกบันไดจนขาหักไม่สามารถออกจากบ้านได้ เพราะมีรถจอดกีดขวางอยู่หน้าบ้าน กล่าวว่า ตนเคยประสบอุบัติเหตุเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยได้ตกบันไดบ้านจนขาหัก ตนจะออกจากบ้านก็ออกไม่ได้ ทำให้เพื่อนบ้านช่วยกันโทรแจ้ง 191 จส.100ให้ประสานขอความช่วยเหลือ แต่ตนต้องรอรถนานกว่า 2 ชั่วโมง เพราะเข้ามาในบ้านไม่ได้ ถูกปิดกั้นหมด และมีรถจอดกีดขวางประตูอยู่ และมีการใช้บ้านเลขที่ตนไว้ส่งสินค้าในตลาด นอกจากนี้ยังใช้บ้านเลขที่ตนในการทำธุรกรรมกับธนาคารในการสมัครบัตรเครดิตเมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นคนที่อยู่ในตลาดเป็นผู้ทำธุรกรรมดังกล่าว
จากนั้นน.ส.บุญศรี ได้แสดงภาพหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการนำน้ำก๋วยเตี๋ยวมาเททิ้งที่ทางระบายน้ำหน้าบ้าน การทำตลาดให้มีคนพลุกพล่านในย่านที่อยู่อาศัย หน้าบ้านกลายเป็นที่ขายของตลาด เข้า-ออกบ้านไม่ได้เพราะมีรถจอดกีดขวางต้องใช้เจ้าหน้าที่มาช่วยยกรถ 10 กว่าคน นี่คือส่วนหนึ่งของความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น
"คนที่ออกมาจากตลาดเขาบอกว่าได้ยินเสียงแตรแล้ว แต่ยังซื้อของไม่เสร็จ นี่เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง คุณรู้แล้วว่าหน้าบ้านเขาเป็นทางเข้า-ออก คุณล็อคเกียร์ได้อย่างไร ล็อคเบรคมือได้อย่างไรจะบอกว่าไม่รู้ไม่ใช่ มีเจตนาที่จะบล็อคทางเข้า-ออกไม่ให้เราออกไปข้างนอก เมื่อออกจากตลาดแล้วยังยืนเป็นเวลานานกว่าจะมาเลื่อนรถให้ก็ต่อเมื่อมีเจ้าหน้าที่มาเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น" น.ส.บุญศรี กล่าว
น.ส.บุญศรี กล่าวต่อว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านไม่ใช่ความผิดของคุณป้าทั้งสองแต่เป็นความผิดของผู้บุกรุกเข้ามาในพื้นที่เพื่ออยู่อาศัย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมากล่าวหา ในข้อหาทำลายทรัพย์ ข่มขู่ คุกคามคนที่มาจอกหน้าบ้าน และถืออาวุธเข้ามาในที่สาธารณะ ขอความกรุณาอย่าเข้ามาสนับสนุนตลาดที่ทำผิดกฎหมายเหล่านี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องค่าเสียหายจากการทุบรถยนต์จำนวน 50,000 บาท นั้นทางน.ส.บุญศรี กล่าวอีกด้วยว่า ต้องไปเรียกร้องจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครผู้อำนวยการเขตประเวศ สำนักงานเขตประเวศ และกรุงเทพมหานคร เพราะเราอยู่ในความคุ้มครองของศาล เราเดือดร้อน เราต้องช่วยเหลือตัวเอง เมื่อโทรไปที่ตำรวจ 191 แล้วก็ไม่มา 1555 ก็ไม่มา แล้วจะให้ประชาชนทำอย่างไรเพราะออกจากบ้านไม่ได้ หากถามว่าเราทำผิดหรือไม่ต้องขอบอกก่อนว่านี่คือพื้นที่ที่จัดสรรไว้เพื่ออยู่อาศัยผู้ที่เข้ามาคือผู้บุกรุกโทรไปหา 191 1555 ก็ไม่มา คนที่ทำตลาดยืนดูโดยรอบก็ไม่ได้ช่วย ไม่เหมือนภาพครั้งที่มีเจ้าหน้าที่มาช่วยกันยกรถยนต์กว่า 10 คน ออกจากการกีดขวางประตูเข้า-ออกบ้าน ทุกคนยืนดูอยู่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตนกดแตรเป็นชั่วโมง ถามว่าเราจะต้องทำอย่างไร เราผิดไหม ตน ยืนยันว่าไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ แต่เป็นการกระทำที่ เป็นความชอบธรรมเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดต้องบอกให้ทราบว่าครอบครัวเราแก้ไขด้วยตนเองมาตลอด ทั้งกดแตรเป็นครึ่งชั่วโมง เปิดประตู มีคนมาช่วยดันรถแล้ว รถล็อคจะไปธุระก็ไปไม่ได้ เราจะต้องใช้วิธีไหน เรียกรถยกและตำรวจก็ไม่มา
นี่เป็นครั้งแรกที่มีการทุบรถอย่างนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการทุบรถ ที่ทำเพราะล็อครถ แล้วบล็อครถตนไม่ให้ออก
น.ส.บุญศรี กล่าวว่า เราไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกับตลาด เพราะเราฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตประเวศ ไม่คิดที่จะขายบ้านหลังนี้เพราะต้องการมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ เพราะติดกับสวนหลวงร.9 ป้าเดือดร้อนเป็นเวลา 10 กว่าปี ป้าใช้ความอดทน ใช้ธรรมมะจริงๆ ในการต่อสู้โดยใช้กฎหมาย คนที่ใส่ร้ายป้ายสีคือคนที่สูญเสียประโยชน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ กำลังพาเดินดูบริเวณบ้านและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่นั้น ทางฝ่ายของแม่ค้าคนหนึ่งซึ่งกำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่เดินมาพบกันพอดีจึงเริ่มมีปากเสียงกันเรื่องรั้วเหล็กที่กั้นติดกับกำแพงบ้าน โดยทางน.ส.รัตนฉัตร กล่าวว่า รั้วราวเหล็กสร้างติดกับกำแพงบ้านตนนั้นหมายถึงกันพื้นที่ตลาดติดที่พักอาศัย แต่แม่ค้ากลับชี้แจงด้วยอารมว่ารั้วนี้มีมานานแล้วและไม่ได้ติดตัวบ้าน อีกทั้งนี้เป็นพื้นที่ของตลาดสามารถทำได้ จากนั้นได้มีเพื่อนบ้านและสื่อมวลชนกันน.ส.รัตนฉัตร ออกไป