
ล่าสุดวันนี้ มีการสัมมนาทางวิชาการเรื่อง "การอุดมศึกษาไทยยุค 4.0 กับทิศทางและบทบาทของมหาวิทยาลัยกลุ่มใหม่" ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปร่วมงานพร้อมบรรยายพิเศษด้วย
งานสัมมนาครั้งนี้ถูกจับตาจากคณาจารย์มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพราะน่าจะมีความชัดเจนเรื่องการขึ้่นเงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้อง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาฯ หมออุดม คชินทร นี่แหละที่รับเรื่องไป และรับปากว่าจะเร่งผลักดัน
แต่ปรากฏว่าหลังจากคุณหมออุดม บรรยายจบ ทีมล่าความจริงได้ไปขอสัมภาษณ์เรื่องนี้ คุณหมออุดม กลับไม่ยอมให้สัมภาษณ์
ร้อนถึง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอกเดอร์ รัฐกรณ์ คิดการ ประธานที่ปรึกษาสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย หรือ ทปสท. ต้องออกมาให้ข้อมูลแทน โดยบอกว่า จากการสอบถามความคืบหน้ากับทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาฯ ได้รับคำตอบว่ากำลังเร่งดำเนินการ 2 ช่องทาง คือ 1.แก้กฎหมายตามกระบวนการปกติ เพื่อเปิดทางให้ขึ้นค่าตอบแทนได้ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ และ 2.การนำมาตรา 44 มาใช้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้แก้กฎหมายได้อย่างรวดเร็วจริงๆ แล้ว "ล่าความจริง" เกาะติดเรื่องนี้มาตลอด ถ้าอธิบายแค่นี้ ถือว่าไม่มีความคืบหน้า เพราะท่านรัฐมนตรีช่วยศึกษาฯ ก็ตอบเหมือนที่ประชุมครั้งก่อน อย่างนี้อาจารย์มหาวิทยาลัยทั่วประเทศก็ต้องร้องเพลงรอต่อไป โดยอัตราการขึ้นเงินเดือนที่กลุ่มอาจารย์เรียกร้อง คือ 8% เพราะรัฐบาลในอดีต เมื่อปี 55 ได้อนุมัติขึ้นค่าตอบแทนเฉพาะข้าราชการครูและบุคลากรการศึกษา โดยไม่รวมอาจารย์มหาวิทยาลัย ทำให้เกิดคาวมลักลั่น เหลื่อมล้ำกันของเงินเดือนมานานหลายปี
การสัมมนาวันนี้ ยังมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับ ทปสท.ด้วย เพื่อทำงานร่วมกันในการตรวจสอบปัญหาการทุจริตในรั้วอุดมศึกษา และช่วยดูแลอาจารย์หรือพนักงานมหาวิทยาลัยไม่ให้ต้องรับผลกระทบ ถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งขณะนี้มีเป็นจำนวนมาก
ชีวิตอาจารย์มหาวิทยาลัยทุกวันนี้ ต้องบอกว่าลำบากกว่าเมื่อก่อน เพราะมหาวิทยาลัยออกนอกระบบเกือบหมดแล้ว หลายๆ แห่งมีปัญหาความไม่โปร่งใสในการบริหารและการใช้จ่ายงบประมาณ พอมีอาจารย์ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ผู้บริหารก็ยกเลิกสัญญาจ้าง กลายเป็นอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว แทนที่จะเป็นเขตรั้วของผู้มีความรู้ เพื่อสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่