svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

กองปราบฯได้คลิปเสียงฮัลโหล แม่ค้าโทรคุยครูปรีชา

คดีหวยอลวน 30 ล้าน ระหว่างหมวดจรูญ กับครูปรีชา ภายหลังจากที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้โอนคดีจากตำรวจภูธรภาค 7 มาให้ตำรวจกองปราบปราบรับผิดชอบแทนเพื่อความโปร่งใส ล่าสุดมีรายงานว่าตำรวจกองปราบไปได้หลักฐานสำคัญเป็นคลิปเสียงสนธนาโทรศัพท์ที่ครูปรีชาคุยกับแม่ค้าสลากบอกว่าไม่ได้ถูกรางวัลที่ 1 ก็ดูเหมือนว่าคดีจะพลิกกลับมาเข้าทางฝ่ายหมวดจรูญหรือเปล่า

แต่ล่าสุดหลังมีรายงานว่าตำรวจกองปราบได้หลักฐานชิ้นสำคัญเป็นคลิปเสียง การสนทนากันระหว่าง นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ แม่ค้าขายสลากฯโทรศัพท์ไปหาครูปรีชา รวม 2 ครั้ง ครั้งแรกเย็นวันที่ 1 พฤศจิกายนหลังหวยออก โทรไปบอกครูปรีชาว่าสลากที่ครูปรีชาซื้อไปถูกรางวัลที่ 1 แต่ครูปรีชา ก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่เลขที่ซื้อ ตัวเองซื้ออีกหมายเลขหนึ่ง และระบุหมายเลขของตัวเองอย่างชัดเจน

ส่วนคลิปเสียงที่ 2 เป็นคลิปเสียงที่แม่ค้าคนเดิมโทรหา ครูปรีชา ช่วงเย็นวันที่ 2 พฤศจิกายน โทรไปบอกว่าครูปรีชาถูกรางวัลที่ 1 เหมือนเดิม แต่ ครูปรีชา ก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกรางวัล ทั้งนี้ทั้งสองคลิปตำรวจกองปราบฯ จะนำเข้าสำนวนการสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในคดี

ตอนนี้ก็มีคำถามกลับมายังครูปรีชา ว่าก่อนหน้านี้ ครูปรีชา เคยให้การว่า หลังจากรู้ว่าถูกรางวัลที่ 1 ได้โทรศัพท์ไปหา นางรัตนาภรณ์ แต่จากการตรวจสอบทางเทคโนโลยีของตำรวจกองปราบ กลับกลายเป็น นางรัตนาภรณ์ เป็นคนโทรไป

ผู้สื่อข่าวก็ไปสอบถามครูปรีชา บอกสั้นๆว่า ไม่รู้เรื่องคลิปเสียงเหล่านี้เลย ขณะที่นางรัตนาภรณ์ แม่ค้าหวย บอกปัดว่า ที่โทรศัพท์คุยตอนนั้นคุยเรื่องหาหวยไม่เจอแค่นั้นเอง
ทางด้านนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ทนายความหมวดจรูญ ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก บอกว่าเมื่อกองปราบเข้ามารับผิดชอบขอให้สอบสวนปากคำครูปรีชา รวม 9 ข้อ อาทิ ซื้อหวยจากใคร โดยวิธีใด มีหลักฐานหรือเปล่า , ซื้อมาจำนวนกี่ชุด กี่ใบ หมายเลขอะไร , สลากเลข 131885 ที่ถูกรางวัลเลขท้ายสองตัวนั้น ถูกกี่ใบ ไปขึ้นเงินที่ไหน , รู้ตัวว่าหวยหมายเลข 533726 หายเมื่อวันเวลาใด เมื่อหายทำยังไง , รู้ได้ยังไงว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 เป็นต้น

ผบก.ป.ปัดล็อค "ครูปรีชา-แม่ค้าสลาก" เค้นสอบ

ขณะที่ผู้บังคับการกองปราบปราม พลตำรวจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด จากการสืบสวนตอนนี้พบพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นประโยชน์อย่างมาก จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าคำให้การของพยานบุคคล 2 ปากของทางฝั่งครูปรีชามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ส่วนจะมีการเรียกพยานที่เคยให้กับตำรวภูธรภาค 7 มาสอบใหม่หรือไม่นั้น ต้องรอดูข้อมูลในสำนวนก่อน

นอกจากนี้ผู้บังคับการกองปราบปราบ ยังปฎิเสธกระแสข่าวการคุมตัวครูปรีชาและนางรัตนาภรณ์ แม่ค้าสลากไปสอบสวนที่เซฟเฮ้าส์ โดยบอกว่าไม่ทราบเรื่อง และวิธีนั้นไม่ใช่รูปแบบการทำงานของตำรวจกองปราบปราม

ส่องข้อสังเกตจรูญ-ปรีชา ใครเจ้าของหวย 30 ล้าน

ก่อนหน้านี้ "ล่าความจริง" ได้เคยประมวล "พยานหลักฐาน" ของแต่ละฝ่าย พร้อม "ข้อสังเกต" ที่สังคมยังตั้งคำถาม ซึ่งมีทั้งของฝั่งครูปรีชา และหมวดจรูญ ไปแล้วครั้งหนึ่งก็คือ

เริ่มจากครูปรีชาก่อน พยานหลักฐานตามที่ตำรวจสรุปก็คือ

1.พยานบุคคลเป็นแม่ค้า และผู้ที่ทราบข้อมูล ยืนยันว่าครูปรีชา ซื้อล็อตเตอรี่ชุดนี้จริงจากแม่ค้า

2.มีพยานเป็นยี่ปั๊ว ยืนยันเส้นทางล็อตเตอรี่ชุดนี้ว่าได้ส่งไปให้แม่ค้ารายนี้ขายจริง

3.มีพยานบุคคลยืนยันว่า หมวดจรูญ เก็บล็อตเตอรี่ได้ แล้วนำไปขึ้นรางวัล

4.(ข้อมูลครูปรีชา) อ้างว่ามีคลิปยืนยัน หมวดจรูญก้มเก็บล็อตเตอรี่ของครูปรีชา

ส่วนข้อสังเกตที่ทำให้สังคมยังไม่เชื่อเต็มร้อยก็คือ

1.พยานกลุ่มแม่ค้า อาจรู้เห็นกับครูปรีชา เพื่อแบ่งผลประโยชน์กัน

2.ยี่ปั๊วทราบจริงหรือไม่ว่าล็อตเตอรี่แต่ละชุด ส่งไปถึงแผงไหน แม่ค้าคนไหน

3.ยังไม่เคยเปิดคลิปที่อ้างว่าหมวดจรูญ ก้มเก็บล็อตเตอรี่

4.ภาพจากคลิปยืนยันได้อย่างไรว่าสิ่งที่หมวดจรูญก้มเก็บเป็นล็อตเตอรี่ชุดนี้

5.ครูปรีชา เคยต่อรองขอแบ่งรางวัลครึ่งหนึ่งจากหมวดจรูญ

ขณะที่ฝั่งหมวดจรูญ มีพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นเจ้าของล็อตเตอรี่ดังนี้

1.เป็นคนไปซื้อล็อตเตอรี่จริงที่ตลาด Red City

2.เป็นคนนำล็อตเตอรี่ไปขึ้นรางวัลกับกองสลาก

3.ผลตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พบลายนิ้วมือของหมวดจรูญบนสลาก
ส่วนข้อสังเกตที่ทำให้สังคมยังไม่เชื่อเต็มร้อย ก็คือ

1.หมวดจรูญจำไม่ได้ชัดๆ ว่าซื้อล็อตเตอรี่จากแผงไหน

2.การนำล็อตเตอรี่ไปขึ้นเงินรางวัล ไม่ได้แปลว่าเป็นผู้ซื้อล็อตเตอรี่จริงๆ

3.ลายนิ้วมือที่พบบนสลาก มีน้อย ยืนยันไม่ได้ 100%