
คลิปลับ ที่เป็นคลิปเสียง เอาภาพที่แชร์มาก็พอ ไม่ต้องเปิด เพราะคงเปิดกันเยอะแล้ว + ภาพที่แหม่มโพธิ์ดำแฉว่า เปรมชัยเคยเข้าไปเที่ยวป่าล่าสัตว์แบบนี้มาแล้วเมื่อปี 59
ขณะเดียวกันก็มีการแชร์คลิปลับ เป็นเสียงพูดคุยของบุคคลที่เชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับการจับกุม "บิ๊กวงการก่อสร้าง" กลางทุ่งใหญ่นเรศวร เนื้อหาในคลิปนอกจากจะเป็นการต่อรองให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ เพื่อแลกกับสิ่งของที่ต้องการ ซึ่งจะนำใส่รถบรรทุกมามอบให้แล้ว ยังมีเสียงที่พูดทำนองว่า "ให้หาผู้ใหญ่มาคุย เพราะกฎหมายมีช่องโหว่" รวมอยู่ด้วย สะท้อนให้เห็นว่าการดำเนินคดีเกี่ยวกับการล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น ยังมีช่องโหว่ช่องว่างทางกฎหมายให้ผู้ถูกกล่าวหารอดพ้นความผิดได้เหมือนกัน
นอกจากนั้นยังมีการแชร์ภาพจากเพจเฟซบุ๊คชื่อดัง เป็นหลักฐานมัดว่า "บิ๊กวงการก่อสร้าง" เคยเข้าป่าบ่อยๆ ไม่ใช่เพิ่งเข้าไปครั้งแรกแล้วโดนจับ ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของ "คนวงใน" ที่ล่าความจริงได้พูดคุยมา ยืนยันว่า "บิ๊กวงการก่อสร้าง" และ "นายพรานคู่ใจ" เคยเข้าไปตั้งเต็นท์พักแรมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งหากมีพฤติการณ์เข้าไปล่าสัตว์เหมือนครั้งนี้ ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยถูกจับกุมเลยสักครั้งย้อนไปดูข้อหาที่พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี แจ้งความดำเนินคดีกับ "บิ๊กวงการก่อสร้าง" ล่าสุดแจ้งไว้ 9 ข้อหา
9 ข้อหาที่ตำรวจแจ้งดำเนินคดี1. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า(พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 36 และ 53)** โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต(พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 16 และ 47)** โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท3.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง(พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 19 และ 47)** โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท4.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า(พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 36 และ 53** โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท5.ช่วยซ่อนเร้น เอาไป รับไว้ ซึ่งซากของสัตว์ป่า(พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 55)** โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท6.ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า(กฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์)** ไม่มีโทษอาญา7.เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต(พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 37)** ไม่ระบุโทษอาญา8.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ(พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ)** โทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 5 พันถึง 5 หมื่นบาท9.ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ** ยังไม่ระบุข้อหาชัดๆ และโทษจากกราฟฟิกข้อหาที่ "ล่าความจริง" แยกแยะมาให้ดู จะพบว่าข้อหาที่แจ้งกับคุณเปรมชัยและพวก แยกใหญ่ๆ ได้เป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ 1 ความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า กลุ่มนี้มี 7 ข้อหากลุ่มที่ 2 ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ กลุ่มนี้มี 1 ข้อหากลุ่มที่ 3 ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนจะเห็นได้ว่า ข้อหาในกลุ่มที่ 2 เป็นข้อหา "เก็บหาของป่า" ไม่ได้เกี่ยวกับการล่าสัตว์ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าคณะของคุณเปรมชัยเข้าไปเก็บหาของป่าด้วยหรือไม่ แม้โทษจำคุกจะกำหนดไว้กว้างๆ คือ 6 เดือนถึง 5 ปี แต่ข้อหานี้ตามกฎหมาย พ่วงกับข้อหาบุกรุกแผ้วถางป่า ฉะนั้นถ้าเก็บของป่าอย่างเดียว น่าจะมีโทษสถานเบา
ส่วนข้อหาในกลุ่มที่ 3 ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ตำรวจยังไม่แจ้งข้อหาชัดๆ ว่าผิดมาตราไหน เพราะต้องรอผลตรวจอาวุธปืนที่ยึดได้ก่อนว่าเป็นของใครฉะนั้นข้อหาที่ดูแล้วน่าจะมีผลในทางคดี และน่าจะเอาผิดได้ คือ 7 ข้อหาแรก ซึ่งทั้งหมดบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แต่พอเราเจาะลึกลงไปดูในรายละเอียดจริงๆ จะพบว่า ข้อหาที่ตั้งไว้ มุ่งเอาผิดพฤติกรรม 3 อย่าง คือ ล่าสัตว์และพยายามล่าสัตว์ป่า ครอบครองซากสัตว์ป่า และเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตพฤติกรรมหลังสุดนี้ ไม่มีโทษอาญา ฉะนั้นเราจะตัดออกไปสรุปแล้วข้อหาที่น่าจะมีผลจริงๆ มี 6 ข้อหา 2 พฤติกรรม คือ ล่าสัตว์หรือพยายามล่าสัตว์ป่า และครอบครอง หรือซ่อนเร้น รับไว้ ซึ่งซากสัตว์ป่าปัญหาในการดำเนินคดี หรือเราจะเรียกว่า "ช่องโหว่ของกฎหมาย" อยู่ตรงนี้ คือการจะเอาผิดฐาน "ล่าสัตว์ป่า" ต้องย้อนไปดูนิยามของคำว่า "ล่า" ตามกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเสียก่อนกฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 4 คำว่า "ล่า" หมายถึง "เก็บ ดัก จับ ยิง ฆ่า หรือทำอันตรายด้วยประการอื่นใดแก่สัตว์ป่าที่ไม่มีเจ้าของและอยู่เป็นอิสระ และหมายความรวมถึง การไล่ การต้อน การเรียก หรือการล่อเพื่อการกระทำดังกล่าวด้วย"
คำถามคือ เจ้าหน้าที่มีพยานรู้เห็นขณะที่ "บิ๊กวงการก่อสร้าง" ล่าสัตว์ป่าหรือไม่ ซึ่งหมายถึงเห็นขณะดัก จับ ยิง ฆ่า เพราะตามข่าวรายงานว่า ตอนที่เจ้าหน้าที่เข้าไป เจอแต่ซากสัตว์ป่าที่ชำแหละแล้ว
นี่คือ "ช่องโหว่" ของกฎหมายที่ "ผู้เชี่ยวชาญ" ซึ่งก็เป็นคนในกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ข้อมูลมากับ "ล่าความจริง" ด้วยตนเอง ว่าถ้าจะเอาผิดคนล่าสัตว์ ต้องมีพยานเห็นขณะ "ล่า" หรือไม่ก็ต้องมีพยานแวดล้อมยืนยันชัดเจน เช่น กระสุนปืนที่ฝังในตัวสัตว์ มาจากปืนในความครอบครองของผู้ต้องหา อย่างนี้เป็นต้น คำถามคือ เจ้าหน้าที่มีหลักฐานแบบนี้หรือเปล่าส่วนความผิดฐาน "ครอบครองซากสัตว์ป่า" ผู้ต้องหาอาจต่อสู้ว่า "ไม่ได้ครอบครอง" คือไม่ใช่ซากสัตว์ของตน แต่ซื้อหรือได้รับมาจากคนอื่น เพื่อมาแล่เนื้อรับประทาน (ผอ.ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ ที่ลงพื้นที่ไปทำคดีนี้เองด้วย ก็ให้ข้อมูลกับ "ล่าความจริง" ว่า คณะของคุณเปรมชัยอ้างว่า ซากสัตว์ที่พบ มีไว้เพื่อแล่เนื้อทำอาหาร)
เมื่อไม่ได้ครอบครอง ก็อาจจะรอดพ้นความผิดที่มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี สุดท้ายอาจผิดแค่ "รับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า" มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปีเท่านั้น ที่สำคัญ โทษจำคุกต่ำกว่า 5 ปี ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจ "รอลงอาญา" ได้อีกด้วยแบบนี้หรือเปล่าจึงเป็นที่มาของ "คลิปเสียงปริศนา" ที่กำลังแพร่หลายในโซเชียลฯขณะนี้ กับคำพูดที่ว่า "กฎหมายมีช่องโหว่ ให้ผู้ใหญ่มาคุยก็จบ"เมื่อกฎหมายอาจมีช่องโหว่ให้กับ "นักล่า" แบบนี้ คำถามคือ มีทางป้องกันอย่างไร และพฤติกรรมของ "คนรวยๆ" ที่ชอบเข้าป่า เขาไปทำอะไรแปลกประหลาดพิสดารแบบที่เราไม่เคยรู้กันบ้าง วันนี้ล่าความจริงมีรายงานพิเศษมาไขข้อข้องใจ