เมื่อวันที่ 30 ม.ค.61 เวลา 13.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์การเมืองที่เริ่มมีการเคลื่อนไหว ซึ่งพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีเคยบอกว่าต้องเร่งสร้างกองหนุนว่า สถานการณ์ต่างๆ ตอนนี้ตนมองเป็นเรื่องธรรมชาติ
การเป็นรัฐบาลมาระยะเวลา 3 ปีเศษเข้าปีที่ 4 ก็มีปัญหาแบบนี้มาทุกรัฐบาลพอถึงเวลาก็อาจจะมีจุดอ่อนมากขึ้นในการทำงาน ยิ่งทำงานมากปัญหาก็มากขึ้นฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ต้องดูเหตุผลว่าจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร คนที่เคยสนับสนุนอยู่ตรงกลาง ไม่เข้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็เห็นชอบกับการทำงานของรัฐบาล บางครั้งมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นคนเหล่านี้ก็อยากให้ทุกอย่างราบรื่นในทางที่ดีที่สุด ซึ่งเขาอาจจะมีความรู้สึกไม่ดีกับรัฐบาล มันก็เป็นธรรมดา ทุกรัฐบาลก็เป็นแบบนี้เมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 แต่เรายืนยันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายคนอาจจะมองว่ารัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้งใช้อำนาจสิทธิขาดในการบริหารประเทศ จริงๆ แล้วไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด รัฐบาลฟังทุกอัน ลองคิดย้อนกลับดู ปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาจากประชาชนผู้ได้รับผลกระทบหรือผู้ลำบากยากแค้น สิ่งแรกที่เป็นช่องทางถึงรัฐบาลคือศูนย์ดำรงธรรมมีหลายล้านเรื่อง ซึ่งเราแก้ไปได้ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นความเดือดร้อนเล็กๆ น้อยๆ ทั้งสิ้น แล้วจะมาบอกว่าเราทำไม่ตรงความต้องการของประชาชนได้อย่างไร ทั้งเรื่อง ถนน แหล่งน้ำ ประปา ขยะ รัฐบาลนี้แก้ให้ทันที รัฐบาล คสช.นี่แหละคนทำ อีกทั้งยังมีช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งมีคนคอยติดตามตรวจสอบว่าใช่หรือไม่หากเดือดร้อนจริง รัฐบาลก็แก้ไขปัญหาให้ ตนเองก็ได้รับข้อมูลมาเหมือนกัน และมอบหมายให้หน่วยราชการไปแก้ไข
"ผมไม่ได้ปิดกั้นประชาชนเลย แม้กระทั่งในสื่อที่เขียนบทความมากมาย คอลัมนิสต์ก็วิพากย์วิจารณ์ ผมไม่เคยไปห้าม ฉะนั้น อย่าไปสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง มันไปถึงต่างประเทศ กลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ปิดกั้นทุกคน แต่การจะทำอะไรก็ตาม ที่มีผลกระทบกับความสงบ เรียบร้อยกับบ้านเมืองตรงนี้ต้องใช้กลไกกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะทำอะไร ความเคลื่อนไหวต่างๆ ศาลปกครองเขาก็คุ้มครองช่วยแล้วระดับหนึ่ง แต่อย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกัน ฉะนั้น มันต้องมอง 2 ด้าน มองคนที่เขาไม่เห็นด้วย คนที่เขาเดือดร้อน ต้องดูเจตนาต่างๆ ให้ชัดเจน ผมไม่ขัดแย้งกับใคร หลายคนอยากให้ใช้กฎหมายแรงๆ เพื่อยุติให้ได้ ขณะที่หลายพวกเห็นว่าใช้แรงๆ ก็ดี จะได้ขยายความขัดแย้งมากขึ้น มันมี 2 ฝ่ายเสมอ ฝากสื่อช่วยดูด้วย" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ถูกมองว่ารัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง นายกฯ กล่าวย้ำว่า ตนเข้าใจประเด็นอย่างที่บอก ระยะเวลาการทำงานของเรา อาจจะมีความขัดแย้งสูง อาจจะมีคนได้ประโยชน์เสียประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ ทุกคนอยากจะมีการเปลี่ยนแปลงเพราะผ่านมา 3 ปีแล้วก็ต้องไปดูกลุ่มไหนที่เดือดร้อน และเป็นตัวตั้งตัวดีในเรื่องเหล่านี้ สื่อคงหาเจออยู่แล้ว ตนคงไม่ไปขัดแย้งด้วย
"เรามุ่งมั่นที่จะทำงานดูแลพี่น้องประชาชนทั้งหมด นโยบายต่างๆ ในช่วงปีนี้อย่ามองว่ารัฐบาลนี้ทำเพื่อสืบทอดอำนาจ มันเป็นการทำงานต่อเนื่อง จากปีที่หนึ่งสองสามตามโรดแม็พของผมเพราะฉะนั้นในขั้นตอนนี้ปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายตามโรดแม็พ คือทำงานที่มีโครงการไทยนิยมยั่งยืนลงไป คำว่าไทยนิยมคือ นิยมความดี ความงาม นั่นคือความหมายไทยนิยมของผมในทุกๆ เรื่อง เพราะความดีความงาม เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่จะมุ่งมั่นในการทำความดีเพื่อประเทศชาติให้บุตรหลานตัวเองในอนาคต รัฐบาลนี้มุ่งหวังเพียงวางพื้นฐาน รากฐานของประเทศไว้ให้ สุดแล้วแต่รัฐบาลต่อไป จะดำเนินการอย่างไรต่อแต่ผมยังไม่เห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากการเลื่อนไม่เลื่อนตรงนี้เลย และผมก็ยืนยันโรดแม็พเดิมที่กำหนดไว้ หากไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นในเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายมันก็เป็นไปตามนั้น ผมไม่ก้าวล่วงใครทั้งสิ้น ขอให้พิจารณา บางเรื่องถ้าไม่ตรงความต้องการของคนบางกลุ่มบางฝ่ายก็ไม่ค่อยพอใจ อยากให้ใช้มาตรา 44 อันไหนที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์ก็หาว่าไปละเมิดคนนู้นคนนี่ สรุปไม่มีความพอใจเท่าที่ควรจะเป็น" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าตนไม่เคยสัญญาว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ว่า มีสื่อหลายคน ตนจำได้ว่าใครเป็นคนถามเรื่องสัญญาตามเนื้อเพลง คือทุกอย่างจับเป็นประเด็นได้หมด สัญญาคืนความสุขของตนคือ คืนความสุขให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกกลุ่มทุกฝ่าย มันมีกี่กลุ่ม ฉะนั้นบางความสุขตนก็คืนให้ได้ทันที แต่บางความสุขก็ยังคืนไม่ได้ มันเป็นเรื่องของกลไกในการแก้ปัญหาจัดการคืนความสุขต่อๆไปในรัฐบาลนี้และรัฐบาลหน้านายกฯ กล่าวว่า มาบอกว่าตนยังไม่เห็นคืนความสุข มันจะคืนได้ไหมปัญหามันร้อยแปดพันเก้า ทุกคนก็ต้องมาช่วยกันแก้
ขอให้เข้าใจผมไม่ได้แก้ตัวอะไรทั้งสิ้นบ้านเมืองมันสงบเรียบร้อยขึ้นไหมตอนนี้ เริ่มมีความสุขไหม เศรษฐกิจขนาดใหญ่ขนาดกลางดีขึ้นหรือไม่ ขนาดเล็กกำลังแก้ไขหรือเปล่า ปัญหาที่สะสมได้รับการแก้ไขหรือไม่ ทั้งเรื่องแรงงานและการเพิ่มค่าจ้าง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความสุขหรือ แม้มันจะไม่มากนัก แต่มันก็เป็นความสุขแล้วไง นี่คือสัญญาของผม ผมก็คืนให้แต่ให้ในสิ่งที่ให้ได้ก่อน สิ่งไหนที่ยังไม่ได้ รัฐบาลต่อไปก็ต้องไปทำต่อ ไม่ใช่มาโจมตีกันในวันนี้ แล้ววันหน้าจะได้อะไรไหม มันก็โจมตีกันแบบนี้ ทุกครั้งที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลก็เป็นอยู่แบบนี้ มันต้องเอานโยบายมาถกแถลงกันเห็นดีเห็นชอบหรือไม่
แต่ที่ผ่านมารัฐบาลเราเอาทุกอย่างมาเปิดเผยหมดว่าคิดและทำอะไร เรื่องโครงการไทยนิยมยั่งยืนก็สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติซึ่งจะต้องดูแลผู้มีรายได้น้อย ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ทิ้งทุกพื้นที่ ไม่ใช่เพื่อจะไปสร้างคะแนนเสียง หากจะสร้างคะแนนเสียงคงไม่ยากขนาดนี้ที่ต้องเอาคณะลงไปเดิน ก็ให้เงินไปเลยก็จบ มันก็จะเป็นปัญหาแบบเดิมๆ แก้ไม่ได้สักที มันต้องถามประชาชนต้องการอะไรและจะใช้งบประมาณอย่างไรไม่ให้ซ้ำซ้อน วันหน้ารัฐบาลใหม่มาจะทำอย่างไรต่อไป ท่านยังไม่เคยเสนอให้ผมเห็นเลย จะทำอย่างไรต่อไป ตีรัฐบาลนี้อย่างเดียว ผมว่าไม่เป็นธรรมเท่าไหร่ ฉะนั้น อยากให้สื่อทุกคนช่วยดูแลประเทศชาติด้วย
"ถ้าจะพูดถึงเพลงท่านก็เอาเฉพาะขอเวลาอีกไม่นาน ถ้าผมจะเอาตอนจบของผมบ้าง แผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา ผมก็เอาคนละตอนบ้างซิ ความหมายมันสมบูรณ์อยู่ในนั้นอยู่แล้ว" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้อยากให้เห็นใจรัฐบาลและข้าราชการบ้าง เขาเหน็ดเหนื่อยมหาศาลมาสามสี่ปีเพราะต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แน่นอนปัญหาต้องเกิดขึ้น พอใจบ้างไม่พอใจบ้าง ขอให้รอดูกันต่อไป อย่าเพิ่งหมดกำลังใจกับตนและรัฐบาลคสช.ก็พยายามทำเต็มที่ อะไรที่มีปัญหาตนก็ตอบรับทั้งหมด เพราะตนรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ขอให้เห็นใจบ้างกับสิ่งที่เราทำ อย่าทำให้สิ่งนี้ไปกระทบอีกอัน เราต้องแยกแยะ ประเด็นของตนไม่ใช่การแก้ตัว
"ขอเวลาให้ผมวางรากฐานประเทศอีกซักระยะนึงก่อนเท่านั้น มันจะมากจะน้อยก็เป็นไปตามกฎหมายนั่นแหละ" นายกฯ กล่าว