
เมื่อเวลา 09.00 นวันที่ 11 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬ ได้รับการประสานจาก นายสงกรานต์ คำพิไสย์ อดีต ส.ส.จังหวัดหนองคาย ว่ามีหญิงสาวครอบครัวยากจนถูกลุงข่มขืนจนท้องได้ 6 เดือน ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ จึงพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬประกอบด้วย นางสาวสุพัตราอารีรมย์ นักจิตวิทยาและนางสาววรรณวิสา ใจใหญ่ นักสังคมสงเคราะห์ ออกไปตรวจสอบและหาทางช่วยเหลือพบกับ นางสาวแดง นามสมมุติ อายุ 15 ปีอาศัยอยู่บ้านไม้ใต้ถุนสูงกับพ่อและย่า ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ เมื่อทราบว่ามีเจ้าหน้าที่มาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับหาทางช่วยเหลือก็รู้สึกดีใจ โดยมีเพื่อนบ้านใกล้เคียงหลายคนมาคอยให้กำลังใจอีกด้วย
นางสาวแดง สาวทอมได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนให้เจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2560 ได้ไปเยี่ยมป้า-ลุงซึ่งเป็นพี่สาวของพ่ออยู่ที่บ้านคันธุลี ตำบลคันธุลี อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากไปอยู่ที่นั่นได้ประมาณ 1 อาทิตย์ตกกลางคืน นายเกษม ศิรีเมฆ ซึ่งเป็นสามีของบ้ามีศักดิ์เป็นลุงได้ชักชวนไปให้อาหารปลากระพงซึ่งเลี้ยงไว้อยู่ที่ริมคลองห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร หลังจากให้อาหารปลาเสร็จได้เข้าไปนอนพักในกระท่อมเผลอหลับไป ลุงได้เข้ามาในห้องใช้มืออุดปากตนไม่ให้ร้องแล้วบังคับถอดเสื้อผ้าลงมือข่มขืน ทั้งๆ ที่ได้ยกมือขอร้องว่าอย่าทำเพราะตนเป็นทอมชอบผู้หญิงด้วยกัน แต่ลุงก็ไม่ยอมฟังลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่
และยังบอกอีกว่าดีใจที่หลานสาวเป็นผู้หญิงเต็มร้อย และห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมีแต่จะเสียหายอับอายลุงเป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไร หลังจากวันนั้นก็ได้พาตนออกทะเลไปหาปลาเล็กมาทำเป็นอาหารเลี้ยงปลากระพง ก็ได้บังคับข่มขืนตนเรื่อยมา จึงคิดว่าถ้าหากอยู่ที่นี่ต่อไปจะถูกลุงข่มขื่นเรื่อยไปจึงได้ออกอุบายว่าคิดถึงบ้านขอกลับไปเยี่ยมพ่อและย่า ลุงกับป้าให้เงินค่ารถ 1,000 บาท พอกลับมาอยู่บ้านประจำเดือนก็ไม่มาเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติของสาวทอม แต่ท้องก็เริ่มโตลูกในท้องก็เริมดิ้น ทำให้ย่าสงสัยพาไปหาหมอตรวจครรภ์พบว่าตั้งท้องได้ 6 เดือนแล้ว พ่อและย่าเค้นสอบจึงยอมรับว่าถูกลุงข่มขืน
ด้านผู้เป็นย่านางสี นามสมมติ อายุ 67 ปี(นางเสริม ดาราสี ) เมื่อทราบว่าหลานสาวท้องเพราะถูกลูกเขยผู้เป็นลุงข่มขืน จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามนายเกษม ว่าทำไมต้องมาทำกับหลานแบบนี้ ได้รับคำตอบว่าอยากให้หลานสาวที่เป็นทอมเป็นผู้หญิงจริงๆ ยินดีรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากปรึกษากับญาติพี่น้องแล้วจึงโทรกลับไปอีกครั้ง คราวนี้นายเกษมปฏิเสธ ว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ทำอะไรไม่รับผิดชอบหลานมันใจแตกเอง ตนเสียใจมากจึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับลูกเขยให้ถึงที่สุด แต่พวกตนมีฐานะยากจนไม่มีเงินที่มาใช้จ่ายหรือจ้างทนาย จึงอยากให้ทางราชการหรือส่วนเกี่ยวข้องมาช่วยเหลือด้วย
ส่วนนางสาวสุพัตรา อารีรมย์ นักจิตวิทยาบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่าหลังจากมาพบกับครอบครัวน้องแดงผู้เสียหายแล้วมีความประสงค์ยกลูกที่จะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าให้อยู่ในความอุปการะของบ้านพักเด็กและครอบครัวบึงกาฬ เบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท และจะพาไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานการถูกข่มขืนจนตั้งท้องที่ สภ.เมืองบึงกาฬ ก่อนที่จะให้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับลุงที่ข่มขืนหลานที่ สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุต่อไป หลังจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย.