
ได้เรียกประชุมด่วนชุดคลี่คลายคดี น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือ "หมอปอ" เจ้าหน้าทันตสาธารณสุข รพ.สต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ถูก นายรณชัย ปานชาติ หรือ "เก่ง" พนักงาน กฟภ.สาขาหลังสวน และ น.ส.นฤมล ช่วยสมบัติ หรือ "สาว" กิ๊กของนายเก่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของนายเก่ง ร่วมกันฆ่าเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 โดยมี พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ พ่วงพิศ ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.พุฒิพงศ์ พานิชศิลป์ ผกก.สภ.สลุย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ฝ่ายเอกสาร ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายเชี่ยวชาญด้านกล้องวงจรปิด ประมาณ 15 คน เพื่อสรุปความคืบหน้าของคดี และเพื่อให้สำนวนคดีมีความรัดกุม สมบูรณ์มากที่สุด
พล.ต.ต.สนธิชัย กล่าวว่า ณ ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองคนคือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่เหตุอันควร นอกจากนั้น ยังแจ้งข้อหาลักทรัพย์คือโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปหลังเกิดเหตุแก่นายรณชัย และแจ้งข้อหารับของโจรแก่ น.ส.นฤมลที่นำโทรศัพท์ของผู้ตายไปเก็บรักษาไว้ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นคัดค้านการประกันตัวของทั้งสองคน เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชน และพนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลจังหวัดชุมพรฝากขังทั้งสองคน ซึ่งถือว่าพ้นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนไปแล้ว เจ้าหน้าที่มั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมดว่าจะสามารถนำผู้ต้องหาทั้งสองคนส่งฟ้องต่อศาลได้อย่างแน่นอน
"วันนี้ได้เชิญเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดมาประชุม เพื่อสรุปรายละเอียดว่าพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้มีความสมบูรณ์แค่ไหน รวมทั้งต้องรอผลตรวจต่างๆ จากฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ และฝ่ายตรวจกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุด้วย โดยกำชับทุกคนให้ทำงานให้เร็วและสมบูรณ์ที่สุด หากเร็วอย่างเดียวแต่ไม่สมบูรณ์คงไม่ได้ ส่วนรถยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟท์ สีขาว ที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนใช้เป็นพาหนะในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ยึดมาตรวจสอบแล้วตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ สำหรับกรณีที่มีสื่อมวลชนบางสำนักโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ ผมคงไม่ขอโต้ตอบอะไร เนื่องจากเราทำงานภายใต้กรอบของกฎหมายและพยานหลักฐานที่มีอยู่ ไม่ได้ทำงานตามกระแสสังคม หากหลักฐานยังไม่พร้อมคงยังดำเนินการอะไรไม่ได้ เมื่อหลักฐานพร้อมถึงจะดำเนินการตามขั้นตอนหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า" พล.ต.ต.สนธิชัย กล่าว
พล.ต.ต.สนธิชัย กล่าวว่า ในเบื้องต้นยังมีสื่อและกระแสสังคมที่เข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการสอบปากคำ น.ส.นฤมลที่ร่วมก่อคดีในฐานะพยาน แต่ไม่เคยกันตัวไว้เป็นพยาน การสอบในฐานะพยานเพื่อให้พยานหลักฐานเกิดความสมบูรณ์ก่อน จากนั้นจึงขออนุมัติหมายศาลจับตัวนายเก่ง และเมื่อมีพยานหลักฐานเพียงพอว่าพยานมีส่วนในการร่วมกระทำความผิดด้วย จึงแจ้งขอกล่าวหาและออกหมายจับ น.ส.นฤมลในเวลาต่อมา แต่หากกันตัวเป็นพยาน หมายถึงบุคคลนั้นต้องถูกจับกุมแล้ว และพนักงานสอบสวนทำสำนวนสั่งไม่ฟ้อง จึงจะเข้าสู่กระบวนการกันไว้เป็นพยาน
"สำหรับโทษที่ผู้ต้องหาทั้งสองจะได้รับสูงสุดตามกฎหมายก็คือ การประหารชีวิตเพราะเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ก็มีเนื้อในของกฎหมายเกี่ยวกับการรับสารภาพของผู้ต้องหา ที่อยู่ในดุลยพินิจของศาลซึ่งตำรวจคงไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงหรือละเมิดได้ ส่วนเรื่องทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตได้แจ้งญาติของทั้งสองฝ่ายแล้วว่า หากมีข้อขัดข้องสงสัยประการใดขอให้นำหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่เพื่อสร้างความกระจ่างให้อย่างดีที่สุด แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานต่างๆ ในเรื่องทรัพย์สินส่งให้พนักงานสอบสวนเลย หากจะพูดอะไรโดยยังไม่มีข้อเท็จจริงคงไม่ได้ ที่ผ่านมามีแต่คำเล่ามา บอกมาของสื่อและของโลกโซเชี่ยลเท่านั้น" พล.ต.ต.สนธิชัย กล่าว
พล.ต.ต.สนธิชัย กล่าวในตอนท้ายว่า คดีนี้ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบช.ภ.8 ได้กำชับตั้งแต่วันแรกที่เกิดคดีว่า ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องกังวลใจในสิ่งใดๆ พร้อมทั้งให้คำแนะนำในหลายๆ เรื่อง ซึ่ง ภ.จว.ชุมพรได้นำประกอบกับการสอบสวน จนทำให้การคลี่คลายคดีเป็นไปอย่างรวดเร็วจนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน และการนำชี้ที่เกิดเหตุ การคลี่คลายคดีนี้ตำรวจไม่มีความหนักใจใดๆ และหากในชั้นศาลผู้ต้องหาทั้งสองคนมีการกลับคำให้การก็ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้ แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ว่าจะสามารถลงโทษผู้ต้องหาทั้งสองคนตามกฎหมายได้