
16 ธ.ค.60 ที่บริเวณจัดงาน ลานข้างวันแจ้งสว่าง บ้านหนองเขื่อง ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ชาวบ้านในชุมชนต่างพร้อมใจกันอนุรักษ์และสืบสานการละเล่นการแข่งกีฬาพื้นบ้านโบราณมหัศจรรย์ "ตีคลีไฟ" หนึ่งเดียวในโลก ที่ทำสืบเนื่องกันมานานหลายร้อยปี หลังเสร็จสิ้นจากการทำไร่ ทำนา
ปีนี้นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางรอชมกันอย่างคึกคักกว่าทุกปี ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสเรื่องราว ผ่านการแสดงกึ่งแสง สี เสียงตำนานตีคลีไฟ และความมหัศจรรย์ของคนเล่นไฟ ท่อนไม้ ที่ทำจากต้นนุ่น หั่นเป็นลูกกลมๆ และนำไปเผาไฟ ลูกไฟแดงๆ ที่ติดไฟลุกโชนกลายเป็นอุปกรณ์การเล่น ให้ผู้เล่นใช้เหง้าไม่ไผ่ ลักษณะคล้ายไม้ฮ๊อคกี้ หรือไม้ตีกอล์ฟ แต่ชาวบ้านที่นี่นำวัสดุตามท้องถิ่นนั่นคือเหง้าไม้ไผ่ และต้นนุ่นหรือต้นงิ้วที่มีในชุมชนแห่งนี้จำนวนมาก
ซึ่งจะนำมาใช้แข่งขันกัน ด้วยการแย่งกันตีลูกคลีไฟที่เผาแล้ว ฝ่ายไหนสามารถตีลูกไฟเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าเป็นฝ่ายชนะ ความสนุกสนานตื่นเต้น ที่ลูกคลีจะมีแสงสีแสงไฟพุ่งสวยงาม และเป็นการช่วยคลายหนาวในช่องฤดูของทุกปีได้อีกทาง นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมทุกสายตาคอยลุ้นด้วยความหวาดเสียว กลัวว่าลูกไฟจะโดนผู้เล่น แต่คนที่หวาดเสียวที่สุดคือผู้รักษาประตู คนนี้ต้องใช้มือเปล่าจับลูกไฟ สร้างเสียงฮือฮาทุกครั้งที่ลูกไฟถูกตีมายังประตู กันอย่างคึกคักสนุกสนานไปตลอดช่วงการแข่งขันจนจบงาน
โดยตามประวัติ มีตำนาน เล่าว่าการละเล่นแบบนี้ พบเห็นคนสมัยก่อนๆในชุมชนบ้านหนองเขื่องเก่าแก่แห่งนี้มานานและเริ่มมีการจัดสืบสานแสดงโชว์กันมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงประมาณปี 2489 ที่เดิมมีการละเล่นกันที่บ้านหนองเขื่อง ต.กุดตุ้ม เดิมทีเรียกกันว่าคลีโหลน คือใช้เหง้าไม้ไผ่ ตีลูกไม้นุ่นซึ่งมีน้ำหนักเบา แข่งกันแบบตีไกล ใครตีไปได้ไกลกว่าเป็นผู้ชนะ ต่อมาก็พัฒนามาเล่นเป็นทีม เผอิญช่วงหนึ่ง อากาศหนาวมีการก่อกองไฟไว้ข้างสนาม ลูกไม้นุ่นถูกตีเข้าไปในกองไฟ กว่าจะเขี่ยออกมาได้ ไฟก็ติดจนลุกไหม้ ด้วยความสนุกสนานติดพันในเกม พอเขี่ยออกมาได้ ก็ใช้เล่นต่อไปทั้งที่ลูกไม้ยังติดไฟ เวลาไม้กระทบลูกคลี ก็จะมีประกายไฟพุ่งเป็นหาง และดูสวยงามและตื่นเต้นมากขึ้น
จากนั้นก็เริ่มพัฒนามาจากการตีคลีโหลน จึงเปลี่ยนมานิยมเล่นตีคลีไฟ หลังจากนั้นก็เงียบหายไปอยู่พักหนึ่ง ไม่ค่อยพบเห็นการละเล่นเกือบ 1 ชั่วอายุคน ชาวบ้านหนองเขื่องบางคนยังคงจดจำภาพและเรื่องราวเอาไว้ได้ โดยเฉพาะนายอุ่น บุญชู อดีตผู้ใหญ่บ้าน ที่ปัจจุบันอายุกว่า 67 ปี ได้นำมาเล่าให้สื่อมวลชนและคณะครูนักวิชาการผู้ที่สนใจได้รับทราบ จึงเกิดแรงกระตุ้นให้เกิดการแสดงให้คณะชมรมสื่อมวลชนจ.ชัยภูมิและสมาคมนักข่าวจ.ชัยภูมิ ได้ดูและช่วยถ่ายทอด ในงานประจำปีของวัดแจ้งสว่าง ในชุมชนบ้านหนองเขื่อง และได้เป็นจุดเริ่มในการฟื้นกลับมาละเล่นอีกครั้ง จนทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดทราบข่าวก็ได้ช่วยกันหันกลับมาช่วยกันจัดสืบสานงานการเล่นกีฬาโบราณดังกล่าวมาต่อเนื่องกว่าช่วง 7ปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันได้รับงบประมาณสนับสนุนจากงบพัฒนาจังหวัด และจัดงานเป็นประจำทุกปีซึ่งเป็นการช่วยกันสืบประเพณีโบราณแห่งนี้ไม่ให้เลือนหายไปมาได้จนปัจุบันได้อีกทางมาได้จนทุกวันนี้