
"พฤทธ์" ชนมพฤทธ์ สิหนาทกถากุล
โดยเฉพาะ "พฤทธ์" ชนมพฤทธ์ สิหนาทกถากุล บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โครงการพิเศษของที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.98 จากความมุ่งมั่นและตั้งใจทำให้เขาประสบความสำเร็จ อีกทั้งครอบครัวที่คอยดูแล สั่งสอน ให้เขาสามารถอยู่รอดได้ มีอาชีพในอนาคต
ปัจจุบัน "พฤทธ์" อายุ 23 ปี ทำงานแผนกการเงินและบัญชี โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพมหานคร ธุรกิจของครอบครัว เขาสามารถทำทุกอย่างได้ แต่อาจจะช้ากว่าเด็กปกติ และการเรียนด้านบริหารธุรกิจเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจไว้เพื่อกลับมาช่วยงานธุรกิจครอบครัว
"พฤทธ์" อยากเรียนด้านบริหารธุรกิจเพราะว่า ครอบครัวทำธุรกิจโรงแรม เขาคิดว่าถ้าเรียนแล้วสามารถนำมาช่วยครอบครัวได้ ช่วงแรกที่เรียน ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพราะบริหารธุรกิจยาก บางครั้งไม่เข้าใจที่อาจารย์สอน แต่มีรุ่นพี่ และเพื่อนรุ่นเดียวกันมานานติวให้ ประกอบกับคุณแม่ที่ช่วยสอนให้เราเข้าใจบทเรียน " พฤทธ์ กล่าว
พฤทธ์ เล่าต่อว่า เขาไม่เก่งเรื่องคำนวณตัวเลข คิดวิเคราะห์ แต่เก่งเรื่องความจำ จำได้ทุกคำที่อาจารย์พูด และสามารถถอดคำพูดของอาจารย์ได้ทุกคำ อยากเรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเขาอยากให้พฤทธิ์เรียนบริหารธุรกิจ เพราะสามารถนำไปช่วยงานของครอบครัวได้ คุณแม่คุณพ่อก็สนับสนุนสุดท้ายเลยตัดสินใจเรียนบริหารตามคำแนะนำของอาจารย์
"ช่วงแรกๆ ที่พฤทธ์ไปมหาวิทยาลัยแล้วเพื่อนรู้ว่าเป็นเด็กพิเศษ หลายครั้งที่เดินไปไหนมาไหน มักจะโดนเพื่อนดูถูกว่าจะเรียนได้หรือไม่ แต่พฤทธ์คิดว่ามีครอบครัวที่คอยอยู่ข้างๆ มีแรงบันดาลใจในทุกวัน แต่ช่วงหลังๆ มา เพื่อนก็มองในด้านดีขึ้น ช่วยติวหนังสือ ให้รายงานไปถ่ายเอกสารในช่วงที่จดไม่ทัน " พฤทธ์ เล่า
ตั้งแต่ "พฤทธ์" เรียนจบโรงเรียนอนุบาลสี่พี่น้อง จนเรียนระดับมัธยมที่โรงเรียนเซนต์จอห์น "พฤทธ์" มีกลุ่มเพื่อน มีครู มีทุกคนคอยให้การช่วยเหลือ และเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต่างแยกย้ายกันไปเรียนด้านที่ตนเองถนัด พฤทธ์เลือกเรียนมหาวิทยาลัยที่เขารับโครงการเด็กพิเศษเพราะมีการอบรมและการปรับตัวให้กับนิสิตพิเศษที่เข้าใหม่ เพื่อเตรียมตัวให้มากกว่าคนอื่น แต่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ อดทน เพื่อทำความฝัน ความสำเร็จก็คงอยู่ไม่ไกล
ช่วงชีวิตวัยเด็กของ "พฤทธ์" เป็นเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า เมื่อถึงวัยที่พูดไ พฤทธ์ก็ไม่พูด ถ้าหากไม่ได้รับการเลี้ยงดูและส่งเสริมจากครอบครัวที่ดีอย่าง"คุณแม่ดวงใจ สิหนาทกถากุล" ช่วยสอนพฤทธ์ให้เข้ากับคนอื่นได้ง่าย อยู่ร่วมกับสังคมทั่วไปได้ มีความอดทนและพยายามในการเรียนจนประสบความสำเร็จ
คุณแม่ดวงใจ เล่าว่า เริ่มแรกตอนที่ครอบครัวรู้ว่า "พฤทธ์" เป็นเด็กพิเศษ ก็เลี้ยงดูและสั่งสอนให้เขาใช้ชีวิตอย่างเด็กปกติ ตอนที่น้องอยู่ชั้นอนุบาล วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ แม่ก็ทำบัตรคำมีรูปต่างๆ อาทิ ดอกไม้ สัตว์น้ำ สัตว์บก การ์ตูน เป็นต้น แล้วก็ระบายสีให้น้องมอง ให้น้องอ่าน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมาก
การที่รู้ว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ต้องยอมรับ พยายามหาทางรักษา หาสิ่งที่ลูกชอบ ให้เขาทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น้องได้มีโอกาสไปเป็นจิตอาสาในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แม่สนับสนุนน้องเต็มที่ ให้น้องทำในสิ่งที่ดี การเป็นจิตอาสาในครั้งนั้นทำให้น้องเปลี่ยนไปมาก ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น พูดเยอะขึ้น ได้เจอผู้คนที่หลากหลาย และที่สำคัญเป็นการปรับตัวของน้องให้เข้าในสังคมได้อีกด้วย สำหรับคนเป็นพ่อแม่ ได้เห็นลูกมีความสุขได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ ก็มีความสุขแล้ว
คุณแม่ดวงใจ กล่าวต่ออีกว่า อยากเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ เขาก็สามารถอยู่ได้เหมือนเด็กปกติ แค่เราในฐานะคนเป็นแม่ให้กำลังใจและเข้าใจเขา โดยเฉพาะคนในครอบครัว ถึงแม้ว่าพฤทธ์จะเป็นเด็กพิเศษแต่พี่สาวของเขาคอยดูแลช่วยเหลือเรื่องการเรียน แม้กระทั่งพี่ชายของเขาที่ช่วยสอนงานต่างๆ โดยไม่ได้รังเกียจน้องชายแต่อย่างใด แม่เลี้ยงลูกมาเองกับมือ พยายามสอนเขาทั้งสองคนไม่ให้รังเกียจน้องชายว่า ทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่ทุกคนสามารถเลือกที่จะปฏิบัติต่อคนๆ หนึ่งได้ โดยเฉพาะน้องเขาไม่เหมือนพวกเรา เราก็ต้องดูแลเอาใจใส่ ช่วยเหลือ และต้องรักน้องให้มากๆ
" ถึงแม้ว่าเขาจะแตกต่างจากคนอื่นมากแค่ไหน แต่เขาก็อยากที่จะพัฒนา อยากมีคุณค่าในตัวเอง ต่อสายตาคนอื่น เขาอยากที่จะฝัน อยากที่จะทำเหมือนเรา เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งความรู้สึกเขา ส่งเสริมให้เขาเป็นอย่างที่ตั้งใจ ถึงจะมีความบกพร่องมากมายแค่ไหน ถ้าเขารู้สึกอยากพัฒนา เราต้องส่งเสริม ความรู้สึกตั้งใจ มุ่งมั่นจะทำให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เชื่อไหมว่า ความสำเร็จที่ทำให้เขาดีขึ้นนั้นมันมีค่ามากกว่าทุกสิ่งในโลกนี้" คุณแม่ดวงใจ กล่าว
สำหรับโครงการดำเนินการจัดการศึกษา การวิจัย และติดตามผลนิสิตพิเศษและบกพร่องทางการเรียนรู้ มีส่วนช่วยเหลือและให้โอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่ต้องการเรียนหนังสือไปสู่ความสำเร็จจนถึงการประกอบอาชีพ
ผศ. นาวาอากาศโทหญิง ดร.งามลมัย ผิวเหลือง
ผศ. นาวาอากาศโทหญิง ดร.งามลมัย ผิวเหลือง รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือนิสิตที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนต่างๆ เขตกรุงเทพมหานคร เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี เพื่อให้โอกาสและเพื่อศึกษาวิจัยการเรียนรู้ พัฒนาการทุกด้านของเด็กพิเศษ
โดยในปี 2559 มีบัณฑิตในโครงการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจำนวน 5 คน ได้แก่ นายนรวีร์ แสนนามวงษ์ สาขาวิชาอาชีวศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ นายธนพล รักงาม สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ นายจุฑาภูมิ รัตนสิน สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ นายจารุภัทร ต้นทองคำ สาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ และนายชนมพฤทธ์ สิหนาทกถากุล สาขาวิชาการจัดการการผลิต คณะบริหารธุรกิจ "ผศ. นาวาอากาศโทหญิง ดร.งามลมัย"กล่าว
----
ที่มา : คมชัดลึกออนไลน์