สอดคล้องกับคำพูดของปูตินที่กล่าวถึงตัวทรัมป์ว่า ข้อกล่าวหาที่ว่ามอสโกแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ โดยเฉพาะผ่านการติดต่อกับทีมหาเสียงของทรัมป์เป็นสิ่งเพ้อเจ้อ และพยายามที่จะบ่อนทำลายประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ขณะที่ทรัมป์เชื่อว่าปูตินมีความจริงใจเนื่องจากการปฏิเสธว่ารัสเซียไม่ได้สอดแทรกก้าวก่ายการเลือกตั้งของสหรัฐ ทั้งนี้ข้อกล่าวห่ต่างๆ นี้ ช่างเป็นสิ่งที่ไม่มีสติกันเอาเลย เพราะเขายังคงเชื่อว่าปูตินไม่ได้คิดว่ามีการเข้าไปสอดแทรกก้าวก่ายจากทางรัสเซีย
ด้านสมาชิาติอาหรับเตรียมเรียกประชุมฉุกเฉินที่อิหร่านอย่างช้าภายในวันอาทิตย์นี้ หวั่นเกิดความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกลาง หลังจากที่มีแนวโน้มว่าทางการซาอุดิอารเบียจะแสดงแสนยานุภาพทางทหารและการยิงขีปนาวุธอีก เนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เกิดกระแสข่าวว่าซาอุดิอารเบียได้ทำการควบคุมตัวซาอัด อัล-ฮารีรี นายกรัฐมนตรีเลบานอนไว้ที่กรุงริยาด
1. สองอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับสูงสหรัฐ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในรายการทอล์กโชว์ State Of The Union ของซีเอ็นเอ็น ถึงความหวั่นเกรงว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะถูกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ปั่นหัวได้ง่าย เนื่องจากการรับมือจัดการสายสัมพันธ์ที่มีกับมอสโกอย่างผิดพลาด ในช่วงที่ปรึกษากฎหมายพิเศษของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังทำการสืบสวนสอบสวนความเป็นไปได้ที่มีการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างทีมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งปี 2016 ของปนะธานาธิบดีทรัมป์กับทางรัสเซีย
โดยทั้งจอห์น เบรนนัน อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) และเจมส์ แคลปเปอร์ อดีตผู้อำนวยการข่าวกรอง ต่างมองว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดอาจเนื่องจากการถูกขู่กรรโชก หรือเกิดขากความหวาดกลัว หลังจากทรัมป์กล่าวถึงความเชื่อที่ว่าประธานาธิบดีปูตินมีความจริงใจต่อการปฏิเสธข่าวของรัสเซียว่าไม่ได้แทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
2. อย่างไรก็ตาม ทั้งประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีปูตินก็ไม่ได้มีการหารือกันนอกรอบการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่เมืองดานัง เวียดนาม เนื่องจากติดขัดปัญหาทางด้านเวลา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ โฆษกของทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า มีแนวโน้มสูงที่ผู้นำทั้งสองจะพบปะกันเพื่อหารือในประเด็นที่เร่งด่วน
ประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีปูตินได้เพียงแต่พูดคุยกันขณะพวกเขาเดินไปร่วมถ่ายภาพหมู่กับผู้นำเอเปกคนอื่นๆ เมื่อวันเสาร์เท่านั้น โดยประธานาธิบดีทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ได้พูดกับประธานาธิบดีปูตินอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องฝ่ายรัสเซียสอดแทรกแซงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งประธานาธิบดีปูตินก็ได้ปฏิเสธอีกครั้งหนึ่งว่าไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ โดยเชื่อว่าหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ
นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงการกราดเกรี้ยวต่ออดีตผู้บริหารระดับสูงของซีไอเอให้หยุดกดดันเสียที โดยพยายามที่จะแก้ไขความสับสนในสื่งที่เป็นข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม การแสดงความเห็นต่างๆ ดังกล่าวนั้น ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากในสังคมอเมริกัน เนื่องจากพวกสำนักงานข่าวกรองของสหรัฐได้ให้ข้อสรุปก่อนหน้านี้แล้วถึงฝ่ายรัสเซียที่ได้เข้ามาก้าวก่ายจริง
3. ส่วนประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึง ข้อกล่าวหาที่ว่ามอสโกแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ โดยเฉพาะผ่านการติดต่อกับทีมหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นสิ่งเพ้อเจ้อ และพยายามที่จะบ่อนทำลายประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน เพราะทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าแฟ้มคดีรัสเซียในสหรัฐ เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงปัญหาการเมืองภายในที่เรื้อรัง
สำหรับกรณีที่มีการติดต่อกับรัสเซียของวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ อาจเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจของเขาที่เคยทำธุรกิจมาก่อน ซึ่งการลงนามสัญญาต่างๆ บางทีอาจทำกับบริษัทรัสเซียด้วย
4. ทางด้านรัฐมนตรีพาณิชย์จาก 11 ชาติศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกยังคงประกาศที่จะผลักดันความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก หรือ TPP (Trans-Pacific Partnership) เพื่อสร้างเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ให้สำเร็จลุล่วง ถึงแม้ว่าสหรัฐถอนตัวไม่สานต่อข้อตกลงดังกล่าว เพราะนโยบายผลักดัให้นอเมริกาต้องมาก่อน หรือ America First ของประธานาธิบดีทรัมป์
โดยรัฐมนตรีพาณิชย์จากกลุ่ม TPP-11 ที่มีขนาดเศรษฐกิจเหลืออยู่เพียง 13.5% ของโลก เมื่อไม่มีสหรัฐอยู่ร่วมด้วย ได้เปิดหารือคู่ขนานไปกับการประชุมเอเปกที่เวียดนาม ซึ่งบรรยากาศการหารือค่อนข้างตึงเครียด โดยทำท่าว่าจะเจรจากันไม่สำเร็จ ก่อนจะมีการประกาศถ้อยแถลงร่วมในเช้าวันเสาร์ว่า ทุกประเทศยังคงเห็นพ้องในเงื่อนไขสำคัญๆ ของข้อตกลงฉบับนี้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงกล่าวสุนทรพจน์ที่ระบุว่าสหรัฐจะไม่อดทนกับพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม การกีดกันการค้า และการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา โดยที่จะไม่ยอมปล่อยให้สหรัฐถูกเอาเปรียบอีกต่อไป
ส่วนประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิง ได้เสนอวิสัยทัศน์ที่แตกต่างออกไป โดยระบุว่าจีนพร้อมที่จะเป็นผู้นำการค้าเสรีรายใหม่ของโลก
5. สมาชิาติอาหรับเตรียมเรียกประชุมฉุกเฉินที่อิหร่านอย่างช้าภายในวันอาทิตย์นี้ หลังจากที่มีแนวโน้มว่าทางการซาอุดิอารเบียจะแสดงแสนยานุภาพทางทหารและการยิงขีปนาวุธอีก เนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เกิดกระแสข่าวว่าซาอุดิอารเบียได้ทำการควบคุมตัวซาอัด อัล-ฮารีรี นายกรัฐมนตรีเลบานอน ที่ประกาศลาออกไว้ที่กรุงริยาด จนอาจนำไปสู่ความตึงเครียดมากขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง
โดยที่ประธานาธิบดีเลบานอนได้เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียชี้แจงเหตุผล กรณีนายกรัฐมนตรี ซาอัด อัล-ฮารีรี ของเลบานอน ที่เดินทางกลับประเทศไม่ได้ หลังจากลาออกกะทันหันระหว่างเดินทางไปซาอุดิอารเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยแถลงการณ์ของทางการเลบานอนระบุว่า จะไม่ยอมรับที่นายกรัฐมนตรีของตน ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ของความขัดแย้งของข้อตกลงที่เป็นสนธิสัญญาใดๆ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของเลบานอนเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ื้ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดี มิเชล อูน บอกกับเอกอัครราชทูตต่างประเทศ ถึงนายดรัฐมนตรีเลบานอนว่าถูกลักพาตัว เนื่องจากการประกาศลาออกกะทันหันดังกล่าวได้นำเลบานอนกลับสู่สถานะการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ ระหว่างกลุ่มที่เชื่อฝ่ายซาอุดิอาระเบียที่นับถือนิกายสุหนี่ กับกลุ่มที่ยึดมั่นอิหร่านที่นับถือนิกายชีอะต์ ซึ่งเป็นคู่อริที่ต่อสู้กันหนักหน่วงทั้งในซีเรีย อิรัก เยเมน และบาห์เรน
ขณะที่ทางด้านกรุงริยาดยืนยันว่า นายกรัฐมนตรเลบานอนไม่ได้ถูกจับกุม ส่วนที่การที่นายกรัฐมนตรีเลบานอนตัดสินใจลาออกนั้น เพราะกลุ่มฮิสบอลเลาะห์ที่เป็นพันธมิตร เข้าไปบงการรัฐบาลร่วมของเลบานอน ซึ่งเป็นที่ปรากฏชัดเจนว่ากลุ่มฮิสบอลเลาะห์นั้นได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน