
จากการสำรวจ พบว่าเจ้าหน้าที่เดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดที่กรองขยะ ซึ่งเป็นด่านหน้าสุด รวมถึงการสูบน้ำลงอุโมงค์ยักษ์ แต่ปัญหาหลักที่เราพบเห็นคือ ขยะ ที่มีจำนวนมา
นี่คือกองขยะ ที่เจ้าหน้าที่เก็บขึ้นมาบางส่วน จากหน้าเครื่องกรองขยะ ที่เปิดทำงานทั้ง 6 ตัว ตลอด 24 ชั่วโมง และช่วงนี้ขยะก็มากถึง 3 ตันต่อวัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องใช้ครัวเรือน จำพวกที่นอน โซฟา ถุงพลาสติก และท่อนไม้ใหญ่ ซึ่งขยะชิ้นใหญ่ๆเหล่านี้ จะทำให้เครื่องกรองขยะหยุดทำงาน เจ้าหน้าที่ กทม. ที่ประจำสถานีนี้ ก็ตรงปืนลงไปจัดการ เพื่อให้หน้าตะเเกรงโล่ง ถ้าขยะมีน้ำหนักมากก็ต้องใช้เครน ยกแทน
ถัดจากเครื่องกรองขยะไป ก็จะเป็นทางของส่วนอุโมงค์ยักษ์ ที่จะนำพามวลน้ำจากทั้งคลองลาดพร้าว และคลองแสนแสบ ที่ไหลมาบรรจบกันตรงจุดที่เรารายงานอยู่ เพื่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอยู่ใต้ดินต่ำลงไปราว 40-50 เมตร และขณะนี้ก็เปิดเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน โดยส่วนควบคุมเครื่องจักร จะอยู่ที่สถานีพระโขนง
สำหรับอุโมงค์ยักษ์ หรือ อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ เปิดใช้อย่างเป็นทางการ วันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี งบประมาณ 2,400 ล้านบาท เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงฤดูฝนปีนี้ มีขนาดกว้างกว่า 5 เมตร ความยาว 6.4 กิโลเมตร ต้นทางเป็นอาคารรับน้ำ ตั้งอยู่ที่บริเวณถนนรัชดาภิเษก อาคารรับน้ำวิภาวดีรังสิต อาคารรับน้ำกำแพงเพชร และอาคารสถานีสูบน้ำเกียกกาย โดยจะดึงน้ำจากอาคารรับน้ำในจุดต่างๆ มารวมไว้ภายในบ่อรับน้ำขนาดใหญ่ที่มีความลึก 40 เมตร ก่อนเข้าเครื่องสูบน้ำ 6 เครื่อง มีกำลังสูบ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา อุโมงค์แห่งนี้สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนได้ไม่น้อยกว่า 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมขังใน 6 พื้นที่ ครอบคลุม 56 ตารางกิโลเมตร ได้แก่ ถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว ถนนกำแพงเพชร และถนนสามเสน
นี้ก็คือข้อมูลล่าสุดจากทางเจ้าหน้าที่ กทม. เกี่ยวกับการทำงานของทั้งเครื่องกรองขยะ และอุโมงค์ยักษ์ สำหรับครึ่งวันเช้านี้ อากาศดี มีแดดจัด แต่ช่วงบ่าย คุณผู้ชมจะไปไหนมาไหน อาจต้องตรวจสอบสภาพอากาศกันอีกครั้ง