
โดยสำนักงานศาลยุติธรรม มีเจ้าหน้าที่ดูแลประจำศูนย์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคล สามารถระบุตำแหน่งที่อยู่และจัดส่งข้อมูลพิกัดของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวทุกๆ 2นาที รวมทั้งมีการแจ้งเตือนแบบ Real-time เมื่อเกิดเหตุกับอุปกรณ์เช่น มีการทุบ ทำลาย ตัด หรือถอดอุปกรณ์โดยไม่ได้รับการอนุญาต ไปยังศูนย์ควบคุมฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบสาเหตุของการเกิดสัญญาณ จากนั้นจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของศาลเพื่อเสนอผู้พิพากษาพิจารณาเพื่อยกเลิกคำสั่งการปล่อยตัวชั่วคราว และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อไป
นายกำพล รุ่งรัตน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา เปิดเผยว่า อุปกรณ์นี้ศาลได้ทำการจัดซื้อจัดจ้างโดยการประกวดราคา ในการเช่าเหมาแบบปีต่อปีจำนวน5,000 ชุด วงเงิน 80,880,000 บาท มีระบบป้องกันการปฎิบัติการ ระบบป้องกันไวรัสการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ และสาเหตุของการจัดซื้อจัดจ้างนั้นทางผู้ให้เช่าจะรับผิดเองชอบทั้งหมดหากเกิดการชำรุดเสียหาย
ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะอุปกรณ์นี้ได้รับมาตราฐานไอคิว68 และมีการจำกัดพื้นที่ หรือจำกัดพฤติกรรมของผู้ต้องหาหรือจำเลยอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถใช้ได้กับผู้ต้องหาหรือจำเลยในทุกความผิดในคดีอาญา ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล หากผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องการจะเดินทางไปประเทศ ต้องยื่นคำร้องต่อผู้พิพากษาเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป
โดยระหว่างนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้วิดิโอคอล ไปยังจำเลยหรือผู้ต้องหา เพื่อสอบถามการใช้ชีวิตประจำวันจากการที่ได้ติดตามเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชุดนี้ ผู้ต้องหากล่าวว่า ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากอุปกรณ์ถูกสวมไว้บริเวณข้อเท้าติดมีกางเกงคลุมอยู่ จึงสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้