
เมื่อวาน "ทีมล่าความจริง" ได้เดินทางไปที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร หรือ "วัดพิชัยญาติ" ย่านคลองสาน เพื่อขอสัมภาษณ์ พระราชรัตนมุณี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขานุการของ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาส และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง โดย พระราชรัตนมุณี ถูกตำรวจ ปปป.เตรียมแจ้งข้อหาเกี่ยวพันกับเงินทอนวัด แต่ปรากฏว่าทีมข่าวไม่พบพระราชรัตนมุณี โดยพระลูกวัดแจ้งว่าออกไปปฏิบัติกิจของสงฆ์ภายนอกวัด ไม่ทราบว่าจะกลับเมื่อใด
ทีมข่าวฯ ได้สอบถามพระลูกวัดอีกรูปหนึ่ง ได้รับคำตอบว่า ผู้ช่วยเจ้าอาวาสน่าจะไม่สะดวกให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพราะเป็นผลลบต่อตัวท่านเอง และพระวัดนี้ก็ไม่ให้สัมภาษณ์ เนื่องจากจะเป็นผลร้ายเช่นกัน และผู้ช่วยเจ้าอาวาสไม่ได้ทำผิดอะไร
จากนั้น "ทีมล่าความจริง" ได้เดินทางต่อไปที่วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ย่านบางกอกใหญ่ เพื่อขอสัมภาษณ์ พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสของวัด ซึ่งมีข่าวว่าเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน ปปป.ตำรวจแล้ว แต่ก็ไม่พบกับพระครูวิสุทธิวัฒนกิจเช่นกัน ทีมข่าวฯได้ไปสังเกตการณ์ที่กุฏิของพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ปรากฏว่ากุฏิว่างเปล่า และล็อคประตูด้านนอก ลูกศิษย์วัดรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า พระครูวิสุทธิวัฒนกิจไม่อยู่ที่วัด และไม่ทราบว่าเดินทางไปที่ไหนล่าสุดช่วงสายวันนี้ "ทีมล่าความจริง" ได้เดินทางไปที่วัดพิชัยญาติอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พบพระราชรัตนมุณีเช่นเดิม พบเพียง พันจ่าอากาศเอก รณชัย เนตรอัมพร ทนายความของพระราชรัตนมุนี โดยทนายรณชัย บอกกับ "ทีมล่าความจริง" ว่า ขณะนี้ทางวัดยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เนื่องจากต้องรอขั้นตอนต่างๆ จากทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก่อน เพราะที่ผ่านมา ตำรวจ ปปป.ส่งหมายเรียกให้ พระราชรัตนมุณี ล่าช้า เลยเวลาที่พนักงานสอบสวนกำหนดไว้ จึงทำให้ พระราชรัตนมุณี ไม่ได้ไปพบกับพนักงานสอบสวน ทางตำรวจ ปปป.จึงส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช. ฉะนั้นหลังจากนี้คงต้องไปประสานกับทาง ป.ป.ช.แทน
ส่วนข้อหาที่ถูกพนักงานสอบสวน ปปป.ตำรวจ แจ้งความดำเนินคดีนั้น ทนายความยืนยันว่า เบื้องต้น พระราชรัตนมุณี โดนแจ้งข้อหาเพียงข้อหาเดียว คือ ความผิดตามมาตรา 86 สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยไม่มีข้อหาเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามที่เป็นข่าว และเท่าที่ได้พูดคุยกับผู้ช่วยเจ้าอาวาส ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร และคณะทนายความมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ว่าจะสามารถช่วยแก้ข้อครหาทั้งหมดได้
"ทีมล่าความจริง" ได้เดินสำรวจบริเวณวัด พบว่ายังคงมีญาติโยมเดินทางไปทำบุญตามปกติ แต่เมื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับข่าวคดีเงินทอนวัด ก็บอกว่ารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเสื่อมคลายลง เพราะเป็นเรื่องตัวบุคคล