"รัฐบาลยังมีความจำเป็นและเห็นความสำคัญอย่างมาก ในการลงพื้นที่ทุกภูมิภาค เพื่อพบปะกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับทราบปัญหา ซึ่งทุกครั้งที่ไปก็คงไม่ใช่เฉพาะว่าผมไปพบพี่น้อง แล้วได้พูดคุยกับทุกท่านที่มาตรงนั้น ผมก็ได้ให้มีการจัดตั้งศูนย์รับการร้องเรียนหรือปัญหาต่างๆ ที่หลายท่านอาจจะไม่มีโอกาสได้พบกับผมโดยตรง ซึ่งผมก็ได้จัดคณะกับศูนย์ดำรงธรรมให้สามารถรับเรื่องร้องเรียนได้ในทุกเรื่อง ครั้งที่แล้วผมก็ได้รับมาหลายปัญหาเช่นเดียวกัน ก็ได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ได้แก้ปัญหาไปแล้วอย่ามองว่าไปเพื่อจะไปทำงานการเมือง ไปทำประชานิยม ไปเรียกคะแนนเสียง ผมไม่ได้ต้องการอย่างนั้นนะครับ ผมต้องการทราบความต้องการที่แท้จริงแล้วก็เราก็จะหาวิธีการทำงานเพื่อจะตอบโจทย์ของประชาชนโดยตรงตามแนวทางศาสตร์พระราชา"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในการลงพื้นที่ภาคกลางครั้งนี้ ตนและคณะรัฐมนตรี ได้สร้างการรับรู้ - ทำความเข้าใจ มีโอกาสพูดคุยนครับ กับกลไกประชารัฐในพื้นที่เกี่ยวกับ ทิศทางการพัฒนาภาคกลางเรามี 6 ภาคน อย่าลืมปัจจุบัน ซึ่งเป้าหมายของภาคกลางก็คือการพัฒนาภาคกลางสู่มหานครทันสมัย และเป็นฐานการเชื่อมโยงประเทศไทย สู่เส้นทางขนส่งสองฝั่งทะเล
"รัฐบาลและ คสช. ไม่ได้มุ่งหวังเพียงทำงานให้แล้วเสร็จ เราจะต้องมีผลงานตามกำหนดเวลาเท่านั้น แต่ต้องปฏิบัติทุกภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ คือสำเร็จอย่างสัมฤทธิ์ คือจับต้องได้ เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ว่าทำให้แล้วๆไป ไม่ใช่นะครับ นั่นก็คือการบรรลุวัตถุประสงค์ของการทำงานร่วมกันทั้งในเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพบางอย่างนั้นรัฐบาลไม่อาจดำเนินการได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ด้วยระบบราชการเพียงอย่างเดียวที่ยังคงมีข้อจำกัดหลายๆอย่าง ดังนั้นเราก็ริเริ่มให้มีกลไกประชารัฐที่จะช่วยเติมเต็ม และลดจุดอ่อนเหล่านั้น"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาควิชาการ และสื่อมวลชน เป็นความสัมพันธ์รูปแบบใหม่นะครับ ซึ่งเราต้องปรับตัวเข้าหากัน ทั้งนี้กุญแจสู่ความสำเร็จ ก็คืออุดมการณ์ในการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ที่เป็นเป้าหมายเดียวกันนะครับ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นก็คือตนได้มีโอกาสพบกับบรรดานักการเมือง จากพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีความยินดีที่มีการพบปะพูดคุยกัน นั่นคือเรียกว่า การปรองดอง คือไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาเป็นพวกกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน เรายังไม่ไปพูดถึงตรงนั้นเลย เราเพียงแต่ว่า เราจะร่วมมือกันได้อย่างไรนะครับ ในวันหน้าเพราะว่าท่านเหล่านั้นก็เป็นนักการเมืองอาชีพ คือทุกคนก็อยู่ในกระบวนการบริหารราชการแผ่นดินมาทุกพรรค เราก็ยินดีที่จะพบปะพูดคุย เว้นแต่บางท่าน หรือบางพรรคไม่อยากคุยด้วย ตนก็ไม่ทราบจะทำยังไงเหมือนกัน
"วันนี้ผมพยายามที่จะลดข้อขัดแย้ง ที่หลายๆคนก็เรียกร้อง ว่ารัฐบาลไม่พูดไม่คุย ไม่ฟังใคร ไม่ฟังนักการเมืองอะไร ผมก็ฟัง พอฟังเสร็จก็หาว่าผมจะพยายามดึงมาเป็นพวกอีก ไม่ใช่ดึงมาพูดคุยกัน เพื่อให้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่แล้ว เมื่อท่านเป็นนักการเมือง เข้ามาบริหารประเทศ ท่านจะเห็นว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่รัฐบาลนี้ทำไว้ดีแล้ว ท่านก็น่าที่จะรับไปสานต่อให้สำเร็จ เพราะว่าผมเอง หรือรัฐบาล คสช. ก็ไม่สามารถจะทำให้สำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้นนะครับ ถึงแม้ว่าจะ 3 ปีก็ตาม บางอย่างนี่มีปัญหามาหลายสิบปี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว