
เหตุระเบิด 2 จุดหลังในพื้นที่ตำบลกาตอง อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพเอาไว้ได้เกือบจะตลอดเหตุการณ์ เพราะผู้สื่อข่าวติดตามชุดอีโอดี เข้าไปตรวจพื้นที่เกิดเหตุจุดแรกในอำเภอกาบัง แต่ระหว่างทางที่รถกำลังแล่นไป โดยมีรถของทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 นำขบวน ปรากฏว่าได้เกิดระเบิดและยิงปะทะกันขึ้น เราลองไปดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหตุระเบิดและยิงปะทะในจุดนี้ ทำให้มีกำลังพลของทหารพรานได้รับบาดเจ็บหลายนาย โดยกำลังทหารพรานเป็น "ชุดล่วงหน้า" นำขบวนรถของชุดอีโอดี เพื่อเข้าไปตรวจจุดเกิดเหตุระเบิดที่อำเภอกาบังและเมื่อขบวนของชุดอีโอดีที่ขับตามกันมา ห่างประมาณ 300 เมตร ถูกคนร้ายดักวางระเบิดอีกหนึ่งลูก จุดนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 นาย และมีผู้เสียชีวิต ลองไปชมภาพบรรยากาศช่วงนี้
เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 21 ราย หนึ่งในนั้นคือ พลตำรวจตรี กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เป็นตำรวจระดับนายพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ด้วยต่อมามีผู้บาดเจ็บที่อาการสาหัส เสียชีวิต 2 นาย คือ สิบตรีธเนตร พุทโธ สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 เป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ / อีกรายคือ ดาบตำรวจ อนิรุทธ จันทะวงษ์ เป็นเจ้าหน้าที่อีโอดีของตำรวจ ส่งผลให้เหตุระเบิดครั้งนี้มีผู้เสียเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บ 17 นายหากไล่เรียงเหตุรุนแรงครั้งนี้ มีระเบิดเกิดขึ้น 3 จุด โดยคนร้ายน่าจะวางแผนลวงหลายชั้นเพื่อดักโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นคณะใหญ่เดินทางจากจังหวัดยะลา
เริ่มจากจุดแรก เป็นเหตุระเบิดตั้งแต่คืนวันที่ 13 กันยายน คนร้ายวางระเบิดเสาไฟฟ้า ริมถนนบ้านลาเต๊าะ อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา จากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 14 กันยายน ตำรวจ สภ.กาบัง ก็เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ ทุกอย่างปลอดภัย ไม่มีการดักโจมตีซ้ำ
แต่การเก็บหลักฐานอย่างเป็นทางการ ต้องใช้เจ้าหน้าที่อีโอดีจากจังหวัดเข้ามาตรวจที่เกิดเหตุ ช่วงสายจึงมีเจ้าหน้าที่เดินทางจากจังหวัดยะลา ผ่านตัวอำเภอยะหา มุ่งหน้าอำเภอกาบัง โดยขบวนรถมีรถของทหารพรานนำหน้า ตามด้วยขบวนรถของเจ้าหน้าที่อีโอดี
เมื่อขบวนรถแล่นถึงบ้านปาแดรู ตำบลกาตอง อำเภอยะหา คนร้ายจุดชนวนระเบิด 2 ลูก ลูกแรกโจมตีรถของทหารพรานที่นำขบวน และมีการยิงถล่มซ้ำ จนเกิดการยิงปะทะกันนานหลายนาที , ลูกที่สองโจมตีรถเจ้าหน้าที่อีโอดี จนเกิดความสูญเสียและมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บจำนวนมากพันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าวแสดงความเสียใจต่อพี่น้องประชาชน และครอบครัวของกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยบอกว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และสมศักดิ์ศรีของชายชาติทหารที่เสียสละแม้ชีวิตเพื่อความสงบสุขของพื้นที่และของพี่น้องประชาชน
ขณะเกิดเหตุรุนแรงล่าสุดนี้ พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แต่เดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 106 ที่รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยมีการหารือเรื่องการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชายแดน มาลาดตระเวนร่วมกัน ซึ่งจะช่วยสกัดกั้นปัญหาตามแนวชายแดนได้ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ของหนีภาษี และปัญหาผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยด้วย
เหตุรุนแรงในครั้งนี้ น่าสังเกตว่าเกิดขึ้นในช่วงที่กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข ระหว่างคณะพูดคุยของรัฐบาลไทย กับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ที่ใช้ชื่อว่า "มารา ปาตานี" ล่มลงกลางคัน เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา โดยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการกำหนด "พื้นที่ปลอดภัยนำร่อง" อำเภอแรก ตามที่ได้วางแผนกันไว้ก่อนหน้านี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่า กลุ่มที่ต่อต้านการพูดคุย ได้พยายามแสดงศักยภาพทันที เพื่อให้เห็นว่าฝ่ายของตนยังมีพลังพอที่จะสร้างสถานการณ์ได้