
พันตำรวจเอกสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 4 ราย เพื่อพิจารณาว่าการกระทำของ น.ส.จริยาภรณ์ เข้าข่ายความผิดใดบ้าง และมีบุคคลอื่นอยู่ร่วมขบวนการด้วยหรือไม่
ทั้งนี้มีรายงานว่าจากสอบปากคำผู้เสียหาย ตำรวจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยทราบว่า น.ส.จริยาภรณ์ มีภูมิลำเนาเดิมที่ จ.สระแก้ว มีพฤติกรรมติดการพนัน และมักเดินทางไปเล่นการพนันฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกรณีดังกล่าวน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ น.ส.จริยาภรณ์ จำเป็นต้องหลอกเหยื่อเพื่อนำเงินมาใช้หนี้การพนัน
นอกจากนี้จากการตรวจประวัติยังพบว่าเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง แต่กลับมีมีพฤติกรรมแอบอ้างว่าสามารถฝากคนเข้าทำงานที่เทศบาลดังกล่าวได้ พร้อมกับเรียกรับเงินจากผู้เสียหายรายละ 100,000 130,000 บาท แต่สุดท้ายทำไม่ได้จึงถูกแจ้งความดำเนินคดีและถูกออกหมายจับฐาน ฉ้อโกง จนทำให้เธอถูกให้ออกจากราชการเมื่อปี 2555 กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ตำรวจจะเร่งติดตามตั น.ส.จริยาภรณ์ เนื่องจากการตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับในคดี ฉ้อโกง ลักทรัพย์ มากกว่า 4 หมาย ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ภัยต่อสังคม
ทั้งนี้ตำรวจยังเตรียมเชิญตัว น.ส.สร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ บุคคลที่ น.ส.จริยาภรณ์ นำชื่อไปใช้ในการแอบอ้าง มาสอบปากคำหาข้อเท็จจริงและตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวด้วยหรือไม่ รวมทั้งพ่อแม่ของ น.ส.จริยาภรณ์ ด้วย