นายวีระ กล่าวว่า เนื่องจากใกล้ครบกำหนด 30 วันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาคดีดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 195 และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่คำพิพากษาคดีดังกล่าวฉบับเต็มแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ศึกษา และพบว่า ในคำวินิจฉัยส่วนตนขององค์คณะผู้พิพากษารายหนึ่งที่เป็นเสียงข้างน้อยเห็นแย้งในคดีนี้ เขียนตามข้อกฏหมาย และข้อเท็จจริงไว้ชัดเจนว่า ทำไมจึงมีเหตุให้ต้องลงโทษจำเลยทั้ง 4
นายวีระ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ มีความกังวลว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ เพราะเชื่อว่ายังมีรายละเอียดอีกเป็นจำนวนมากที่เป็นประโยชน์กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมดังกล่าว คนเหล่านี้อยากได้ความเป็นธรรมคืนมา หวังว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. คงไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง ทั้งนี้ ภายใต้เวลาอันจำกัด ที่เหลืออีกประมาณ 4 วันจะครบกำหนดตามรัฐธรรมนูญ การยื่นอุทธรณ์อาจไม่สามารถทำได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ครบถ้วน จึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 1 เดือน
เมื่อถามว่า หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่อุทธรณ์ หรืออุทธรณ์ไม่ทันคดีนี้จะทำอย่างไร นายวีระ กล่าวว่า ยังไม่อยากคาดเดา ต้องรอดูดุลยพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนว่าสมเหตุผลหรือไม่ ถ้ารับฟังไม่ได้ คงเรียกร้องความเป็นธรรมให้ถูกต้อง และมีมาตรการต้องดำเนินการต่อไป
ขณะที่นายศักดิ์ชัย เมทินีพิศาลกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะประชุมเกี่ยวกับการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาคดีดังกล่าวในวันที่ 29 ส.ค.นี้ และยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ได้รับผลกระทบทุกราย
-----