"ในช่วงแรกของการรับตัวผู้ต้องขังใหม่ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดความดันโลหิตพบว่ามีความดันเลือดสูงกว่าปกติ แต่เมื่อได้พักผ่อนสักระยะแล้วตรวจวัดใหม่ความดันก็ลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ.ซึ่งอาจจะเกิดจากความเครียดหรือตื่นเต้น หลังอยู่ในเรือนจำนาน 1 สัปดาห์ก็จะเริ่มปรับตัวได้และจะเป็นปกติภายในเวลา 1 เดือน ทั้งนี้เรื่องการทำใจนั้นต้องขึ้นอยู่กับผู้ต้องขังแต่ละรายว่าจะปลงได้หรือไม่"อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว
นายกอบเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับนายบุญทรงและนายภูมิเมื่อถูกย้ายไปเรือนจำกลางคลองเปรมในช่วงแรกจะคุมขังในแดนแรกรับ. ซึ่งแดนคุมขังเรือนจำกลางคลองเปรมจะเป็นห้องขังรวมขนาดเล็ก นอนได้ห้องละ 4-5 คน ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าจะให้ผู้ต้องขังกลุ่มนี้นอนรวมในห้องขังเดียวกันหรือแยกห้องรวม เพราะโดยปกติคู่คดีเดียวกันมักต้องแยกการคุมขัง แต่บางครั้งที่การแยกแดนแล้ว อาจไปเจอกับผู้ต้องขังบางคนโดยเฉพาะคนที่มีความเห็นต่าง ก็ไม่อยากให้ไปอยู่ร่วมกัน
ด้านนายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า สำหรับการคุมขังในคืนแรกทั้งนายบุญทรงและนายภูมิสามารถปรับตัวอยู่ในแดนแรกรับได้ รับประทานอาหารได้ โดยวานนี้(25 ส.ค.) ก็หิวมาจากศาล จึงได้ให้รับประทานอาหารมื้อเย็นพร้อมจัดของใช้ส่วนตัวผู้ต้องขังเช่น ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เมื่อคืนที่ผ่านมาก็นอนหลับได้ดี ส่วนเรื่องเครียดเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ต้องขังเข้าใหม่จะมีอาการกังวล แต่ก็จะเป็นเพียงระยะแรกๆ เมื่อมีเพื่อนในเรือนจำแล้วก็จะปรับตัวดีขึ้น ส่วนการย้ายไปคุมขังในเรือนจำอื่น เบื้องต้นขอพิจารณาหมายศาลอีกครั้ง ขณะที่การเข้าเยี่ยมเนื่องจากวันนี้แดนของนายบุญทรงและนายภูมิไม่ตรงกับแดนที่อนุญาตให้เยี่ยมวันเสาร์ได้ ญาติจึงไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายนรินทร์ สมนึก ทนายความนายบุญทรง ได้กล่าวก่อนเดินทางกลับหลังที่จะเดินทางเข้าเยี่ยมพบนายบุญทรงไม่ได้ว่า เนื่องจากผู้ต้องขังทั้งหมดยังอยู่ในแดนแรกรับจึงยังไม่สามารถให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมได้ในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์นี้ ซึ่งเป็นตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ทีมทนายความพร้อมญาติจะเดินทางเข้าเยี่ยมอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 28 ส.ค เวลา 08.30 น