svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศาลอุทธรณ์ จำคุก7 ปี "ไฮโซตั๋ม" หมิ่น "หมอแอร์" ปรับ 7 แสน โทษจำคุกรอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์ แก้โทษจำคุกเพิ่มกระทงความผิด-เพิ่มโทษปรับ ไฮโซตั๋ม หมิ่น หมอแอร์ อดีตทีมโฆษก รพ.ตำรวจ ปมชู้สาว 2 สำนวนรวมจำคุก 7 ปี ปรับ 7 แสน แต่ศาลยังให้โอกาสกลับตัวสั่งรอลงอาญา 2 ปี ส่วนความผิด พ.ร.บ.คอมฯ ให้ยกฟ้องเป็นผลจากเหตุแก้ ก.ม.ใหม่ ขณะที่สำนวน 3 รอฟังอุทธรณ์อีก 22 ส.ค.นี้


ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 9 ส.ค.60 เวลา 10.00 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.1153/2558 ที่ พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพลศาล หรือหมอแอร์ อายุ 39 ปีแพทย์ประจำกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด และอดีตทีมโรงพยาบาลตำรวจ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.วิชชุดา ลีนุตพงษ์ หรือไฮโซตั๋ม อายุ 36 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา มาตรา 326, 328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
โดยคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 26 มี.ค.58 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า กรณีวันที่ 3 - 18 มี.ค.58 เวลากลางวัน จำเลย ได้กล่าวหาใส่ความ โจทก์ ว่าเป็นผู้หญิงไม่ดีและข้อความอื่น ซึ่งยังมีการโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คของจำเลย ที่ทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย ซึ่งศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งวันที่ 7 ต.ค.58 ให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาพิพากษา ขณะที่ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาวันที่ 5 ต.ค.59 ให้จำคุก 1 ปีและปรับเป็นเงิน 50,000 บาทโดยโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญา 2 ปี ต่อมา พ.ต.ท.พญ.อัญชุลีหรือหมอแอร์ โจทก์ อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนัก ขณะที่จำเลย ก็ยื่นอุทธรณ์ด้วยเช่นกัน
ขณะที่วันนี้ ไฮโซตั๋ม จำเลยเดินทางมาพร้อมกับบิดาและทนายความ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนหมอแอร์ โจทก์ไม่ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาแต่อย่างใดศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของ พ.ต.ท.พญ.อัญชุลีหรือหมอแอร์ โจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระรวม 8 กระทงหรือไม่ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำฟ้องโจทก์ บรรยายฟ้องแยกการกระทำของจำเลยเป็น 8 ข้อตามวัน-เวลาเกิดเหตุต่างกัน ซึ่งจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยการพิมพ์ข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กแต่ละวัน -เวลาไม่เหมือนกัน อันมีเจตนาแยกต่างหากกันในแต่ละครั้งจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันถึง 8 กรรม โดยไม่ใช่เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันอันเป็นกรรมเดียว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น ศาลอุทธรณ์จึงเห็นควรกำหนดโทษแต่ละกระทงเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาศาลจึงไม่จำต้องวินิจฉัย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์อีกว่า มีเหตุให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและไม่รอการลงโทษจำเลยหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันและต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด จำเลยจึงต้องรับโทษหนักขึ้นตามจำนวนกระทงความผิดแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อพิเคราะห์ประวัติ , สภาพครอบครัว , อาชีพและพฤติกรรมอื่นประกอบกับมาตราบรรเทาความเสียหายแก่โจทก์ที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้รวมถึงกรณีจำเลยวางเงินชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 100,000 บาท ศาลอุทธรณ์จึงเห็นว่าการเปิดโอกาสให้จำเลยกลับตัวเป็นคนดีน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมโดยรวม ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นให้รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยในส่วนนี้ถือว่าเหมาะสมแล้ว
ส่วนข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯนั้น ปรากฏว่าระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2560 ใช้บังคับ โดยให้ยกเลิกบทบัญญัติ ม.14 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เดิม โดยให้ใช้ข้อความแทนว่า มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ต้องระหว่างโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1) โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่ การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ประมวลกฎหมายอาญา....... ดังนั้นลักษณะการกระทำความผิดของจำเลยฐานหมิ่นประมาทฯ ตามประมวลกฎหมายอาญาจึงไม่เป็นความผิดตามที่กฎหมายภายหลังได้บัญญัติไว้ เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเช่นนี้จึงเป็นเหตุให้ยกฟ้องในส่วนความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
ส่วนที่ศาลชั้นต้น พิพากษาให้โฆษณาคำพิพากษาในเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการไม่ชอบ เพราะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 332 (2) ให้อำนาจศาลสั่งโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์หนึ่งหรือหลายฉบับเท่านั้น ไม่รวมถึงโฆษณาคำพิพากษาในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งประเด็นนี้แม้คู่ความไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ให้จำคุก 8 กระทงๆละ 1 ปี และปรับกระทงละ 100,000 บาท รวมจำคุก 8 ปีและปรับ 800,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 ปี และปรับ 400,000 บาท และให้ยกฟ้องความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ และให้ยกคำขอการให้โฆษณาคำพิพากษาในเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก ซึ่งนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ขณะที่วันเดียวกันนี้ ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมิ่นประมาทระหว่าง หมอแอร์ กับไฮโซตั๋ม สำนวนที่ 2 ในคดีหมายเลขดำ อ.2922/58 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 และพ.ต.ท.พญ.อัญชุลีหรือหมอแอร์ ผู้เสียหาย ร่วมเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.วิชชุดาหรือไฮโซตั๋ม เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา มาตรา 326, 328 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 ม. 3 , ม. 14 (1) จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.พ.58 น.ส.วิชชุดา จำเลยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของจำเลย ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่า พ.ต.ท.พญ.อัญชุลีหรือหมอแอร์ เป็นผู้หญิงไม่ดีและแอบไปอยู่กินฉันสามีภริยากับชายอื่น ซึ่งไม่เป็นความจริง น่าจะทำให้เสียชื่อเสียง โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ต.ค.59 ให้จำคุกจำเลย 6 กระทงๆ ละ 2 ปี จำคุก 12 ปี และปรับ 600,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกรวม 6 ปีและปรับ 300,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจากศาลชั้นต้นเห็นว่าพฤติการณ์จำเลย กระทำไปเพราะหึงหวง เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกิดประโยชน์ผลกระทบต่อสังคม ประกอบกับจำเลยได้วางเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายต่อโจทก์แล้วจำนวน 100,000 บาท อีกทั้งไม่พบประวัติจำเลยว่าเคยต้องโทษมาก่อน ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันเเล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม แต่เห็นควรปรับโทษรายกระทงเป็นว่าให้จำคุก 6 กระทงๆ ละ 1 ปีเป็นจำคุก 6 ปี ส่วนค่าปรับยังเดิมคือปรับ 600,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 ปี และปรับ 300,000 บาทซึ่งโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ส่วนข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ นั้นให้ยกฟ้อง
ภายหลัง น.ส.วิชชุดาหรือไฮโซตั๋ม วัย 36 ปี กล่าวว่า วันนี้ศาลยกฟ้องในส่วน พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ แต่ความผิดหมิ่นประมาทฯ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จ่ายเพิ่มค่าปรับนิดหน่อย ตนถือว่าก็รู้สึกแฮปปี้แล้วจึงจะไม่ขอฎีกาอีก ซึ่งคดีความกับหมอแอร์ถือว่าจบแล้วที่ทำไปก็ด้วยอารมณ์ในขณะนั้น ซึ่งหลังจากนั้นก็หายโกรธตอนนี้ก็ต่างคนต่างอยู่
ขณะที่นายประพันธ์พงศ์ ธรรมชาติ ทนายความของไฮโซตั๋ม กล่าวถึงการจะฎีกาคดีหรือไม่ว่า ต้องไปดูข้อกฎหมายอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีความระหว่างหมอแอร์ กับไฮโซตั๋มนั้น ยังคงมีคดีหมิ่นประมาทฯ อีก 1 สำนวนที่หมอแอร์ ยื่นฟ้องไฮโซตั๋ม เองในคดีหมายเลขดำ อ.1054/2558 กรณีเมื่อช่วงเดือน ก.พ.58 ไฮโซตั๋ม จำเลยให้สัมภาษณ์และโพสต์เฟซบุ๊ก ทำนองว่า หมอแอร์ โจทก์ เป็นมือที่ 3 จนทำให้จำเลยต้องเลิกรากับแฟนหนุ่ม ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ส.ค.59 ให้จำคุกไฮโซตั๋ม เป็นเวลา 1 ปีและปรับ 50,000 บาทโดยให้รอลงอาญา 2 ปี และให้จำเลย ลงโฆษณาคำพิพากษาด้วยในหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับ กับเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กด้วยติดต่อกันเป็นเวลารวม 15 วัน โดยคดีรอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันอังคารที่ 22 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.