ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวต่อไปว่า จากการที่นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ และหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าเมื่อเด็กสอบติดในรอบที่ 1 และ2 แล้ว อาจจะไม่ได้เรียนในชั้นเรียนจนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เนื่องจากตามปฏิทินการสอบ ทปอ.ประกาศผลผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกรอบที่ 1 ในวันที่ 22 ธ.ค. 2560 และเหลืออีกระยะเวลา 2 เดือน กว่าเด็กจบภาคเรียนที่ 2 หรือจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ดังนั้น เพื่อให้นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผ่านการคัดเลือกแล้วต้องอยู่ในชั้นเรียนให้ครบตามระยะเวลาของปฏิทินการศึกษาของโรงเรียน และนำใบเข้าชั้นเรียนในภาคการศึกษาสุดท้ายไม่น้อยกว่า 80 % ของเวลาเรียนทั้งหมด มายื่นต่อมหาวิทยาลัยในวันที่มีการมอบตัวเข้าเป็นนักศึกษา จึงถือว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนของการคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษานั้นๆ
“ต่อให้นักเรียนสอบติดในรอบที่ 1 หรือ 2 แต่หากไม่มีใบเข้าชั้นเรียนในภาคการสึกษาสุดท้ายไม่น้อยกว่า 80 % ก็ไม่มีสิทธิ์มอบตัว เพราะการศึกษาม.ปลายมีคุณค่า และมีความสำคัญ อยากให้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า อย่ามองว่าติดแล้วไม่ตั้งใจเรียน” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับจำนวนการรับตรงในปี 2560 ซึ่งเทียบได้กับการรับในรอบที่ 1-3 ของระบบ TCAS 61 พบว่าการรับตรงในปี 2560 มี 238,964 คน ในส่วนการรับทีแคส 2561 รอบที่ 1-3 มี 234,951 คน แสดงให้เห็นว่าจำนวนการรับในรอบที่ 1-3 ในระบบทีแคส 2561 มีจำนวนใกล้เคียงกับจำนวนรับในปีที่ผ่านมา ในสาขาวิชาหลักของประเทศ เช่น สาขาในโครงการ กสพท. ที่มีการประกาศรับในรอบที่ 3 ก็ไม่ได้มีจำนวนที่ลดลงแต่อย่างใด โดยในปี 2560 รับ 1,843 คน และในปี 2561 รับ 2,666 คน อย่างไรก็ตาม การกำหนดเกณฑ์ คุณสมบัติ และจำนวนรับบุคคลในรอบต่างๆของสถาบันอุดมศึกษา พิจารณาตามนโยบายการบริหารงานและดุลยพินิจอย่างรอบคอบจากสถาบันอุดมศึกษาที่ปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นไปตามบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งสนองต่อนโยบายของรมว.ศึกษาธิการที่ต้องการให้นักเรียนอยู่ในชั้นเรียนครบตามระยะเวลาในปฏิทินการศึกษา สถาบันอุดมศึกษามีความเป็นอิสระทางวิชาการและยึดมั่นในหลักการที่จะผลิตบัณฑิตที่เป็นกำลังคนที่มีคุณภาพเข้าสู่สังคมตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ของประเทศอย่างแท้จริง