
รศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ รองอธิการบดีด้านกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว “Netiwit Chotiphatphaisal” สอบถามถึงการจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ ถึงการให้หมอบกราบถวายบังคมขณะฝนตก การประกาศให้เด็กรับทราบพื้นที่ถวายความคำนับ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการป่วนงาน ว่าจุฬาฯขอยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับให้นิสิตต้องหมอบกราบถวายบังคมขณะฝนตก
ซึ่งองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ(อบจ.) เป็นหน่วยงานที่จัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาแล้วว่ายังสามารถดำเนินการตามขั้นตอนของพิธีการได้ เนื่องจากได้มีการเตรียมแผนไว้รองรับ เช่น มีเสื้อกันฝน แต่ถ้าฝนตกหนักก็ได้มีแผนรองรับไว้ว่าจะไม่มีการถวายบังคม หรือถวายคำนับอย่างแน่นอน อีกทั้งในช่วงพิธีการดังกล่าว ใช้เวลาไม่นาน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะปีนี้ไม่มีการซ้อม เป็นการอธิบายให้นิสิตเข้าใจ และเริ่มพิธีการทันที
ดังนั้น การจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ เป็นธรรมเนียมปฎิบัติของมหาวิทยาลัย และกิจกรรมปฐมนิเทศ ถือเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกองค์กร ที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร คำแนะนำ การต้อนรับนิสิตน้องใหม่ ฉะนั้น พิธีดังกล่าวคงต้องดำเนินต่อไปทุกปี
“มหาวิทยาลัยต้องขอโทษนิสิตคนดังกล่าวที่ถูกอาจารย์ล็อคคอด้วย เพราะการกระทำดังกล่าวย่อมรับว่าไม่เหมาะสม แต่ขณะนั้นมีเด็กประมาณ 7 คน ออกมากลางสนามอาจารย์จึงได้เข้าไปห้ามแต่อาจจะด้วยจังหวะขณะนั้นทำให้อาจารย์ต้องล็อคคอเด็ก ซึ่งมหาวิทยาลัยกำลังติดต่อนิสิตกลุ่มดังกล่าว เพื่อขอโทษ พูดคุยและทำความเข้าใจร่วมกัน เพราะทุกคนล้วนเป็นชาวจุฬาฯ เหมือนกัน แต่ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่อาจารย์ทำร้ายเด็ก เนื่องจากไม่มีการชกต่อย หรือทะเลาะวิวาท เพียงแต่เข้าไปห้ามปรามโดยใช้วิธีการที่ดูแล้วรุนแรง” รองอธิการบดี จุฬาฯ กล่าว
สำหรับการประกาศให้นิสิตรับทราบว่ามีพื้นที่ถวายคำนับนั้น รศ.ดร.บัญชา กล่าวว่าได้มีการแจ้งเด็กก่อนจะเริ่มพิธีการ และได้จัดเตรียมพื้นที่ดังกล่าวไว้แล้ว เพราะการแสดงออกในพิธีดังกล่าว ไม่ได้บังคับว่าต้องถวายบังคมเพียงอย่างเดียว ให้อิสระว่านิสิตคนใดจะแสดงออกในรูปแบบไหน
และไม่มีการบังคับให้เข้าร่วม เป็นไปตามความต้องการของเด็ก จุฬาฯ เข้าใจและเคารพในความเห็นต่าง และได้มีการทำข้อตกลงกับทางกลุ่มสภานิสิตแล้ว แต่กลุ่มของสภานิสิตไม่ได้เคารพข้อตกลงนั้น พยายามจัดฉากให้ปรากฏภาพที่ขัดแย้งตรงข้ามกันระหว่างการถวายบังคมซึ่งไม่ได้ใช้วิธีหมอบกราบและการคำนับ
รศ.ดร.บัญชา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้อาจารย์คนดังกล่าวที่ได้กระทำการล็อคคอนิสิตนั้น ได้ออกจากห้อง CCU เนื่องจากเกิดภาวะเครียดอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารักษาตัวในห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล กลับบ้านเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้มีการพูดคุยกับอาจารย์ ได้รับการยืนยืนว่าไม่ได้ทำร้ายเด็ก หรือมีเจตนาไม่ดีกับเด็ก แต่ต้องการนำเด็กออกจากพื้นที่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ อยากให้ทางกลุ่มนิสิตดังกล่าว มาพูดคุยทำความเข้าใจกับมหาวิทยาลัย มากกว่าจะใช้เพียงช่องทางโซเซียล เพราะทุกคนเป็นนิสิต อาจารย์จุฬาฯ ด้วยกัน และอาจารย์จุฬาฯ พร้อมรับฟังความเห็นต่างของกลุ่มนิสิตทุกคน แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่ายเช่นเดียวกัน