
ความคืบหน้าวันนี้ 29 มิถุนายน 2560 กลุ่มบริการสายด่วน 1300 (ศูนย์ช่วยเหลือสังคม) หน่วยงานในสังกัด พม. พร้อมนักสหวิชาชีพ โดยนางสาวนันท์นภัส ทวีโภคา นำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องนี้ ได้เปิดเผยว่า
เบื้องต้นต้องประเมินสภาพจิตใจเด็กและครอบครัวก่อน เรื่องการให้ความรักความอบอุ่นในครอบครัวเป็นอย่างไร ถึงจะประเมินว่าจะมีการบำบัดรักษาเยียวยาทางจิตใจหรือไม่ส่วนความรู้สึกระหว่างแม่กับลูกได้รับการตอบสนองที่เหมาะสมระหว่างกันหรือไม่ ครอบครัวมีเวลาให้กันมากน้อยแค่ไหน เพราะผู้เป็นแม่ยังต้องดูแลลูกอีก 2 คน ในขณะที่ลูกก็ต้องการเวลากับครอบครัว
นางมี (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า ครอบครัวตนมีลูก 3 คนคนโตเป็นผู้หญิง อายุ 14 ปี พิการ, คนกลางอายุ 11 ปีคือน้องที่กำลังมีปัญหาอยู่ตอนนี้ และมีลูกชายคนเล็กอายุ 9 ขวบอีก 1 คน หลังเกิดปัญหาขึ้นครอบครัวได้พยายามดูแลอย่างใกล้ชิด หวังว่าลูกชายจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น
วันนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ก็ดีใจ โดยวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 ที่จะถึงนี้เจ้าหน้าที่บอกว่า จะมารับตัวน้องไปโรงพยาบาลเพื่อนำไปตรวจพฤติกรรมและทำการรักษา แต่ถ้าน้องไม่ดีขึ้นก็จะหารือกันอีกครั้ง
ที่ผ่านมาตนทุกข์ใจมากจนต้องรับยาจากโรงพยาบาลมากิน บางครั้งมีอาการหูแว่ว และระแวงเพราะลูกชายคนนี้ ใช้ขี้ยากันยุง น้ำลาย เสลด อุจจาระ หรือปัสสาวะ มาผสมในน้ำที่ใช้สำหรับดื่ม โดยที่ครอบครัวไม่รู้มาก่อน
ด้านนายมา (นามสมมุติ) ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่า ลูกเป็นเด็กดื้อและเกเร ชอบแกล้งคนอื่น ชอบลักทรัพย์ ทั้งโทรศัพท์มือถือของเพื่อนบ้าน และทำลายรองเท้าที่พ่อแม่รับมาจากโรงงานเพื่อทำเป็นอาชีพ จนต้องเป็นหนี้สินมากถึง 180,000 บาท
อีกทั้ง ลูกชาย ยังมีพฤติกรรมพูดใส่ร้ายพ่อแม่อยู่เป็นประจำ ส่วนบาดแผลที่ปรากฏตามร่างกายลูก ก็มาจากการทำร้ายตัวเองทั้งสิ้น หนักใจมากที่ควบคุมลูกไม่ได้ บ้างครั้งลูกชายจะเอาสิ่งสกปรกใส่ในน้ำดื่ม
บางครั้งเอาผ้าขี้ริ้วที่เปียกมาบีบคั้นน้ำแล้วนำผสมผงซักฟอกใส่ในขวดนมให้พี่สาวและน้องชายดื่ม บางวันก็จะแอบออกจากบ้านไปสร้างปัญหาให้กับเพื่อนบ้าน เมื่อจับได้แล้วถามก็ได้คำตอบว่า แกล้งเพราะอยากไปโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันครอบครัวจะขอดูแลลูกชายคนนี้ต่อไป แต่ถ้าพฤติกรรมไม่ดีขึ้น ก็อาจจะประสานเจ้าหน้าที่ หารือว่าจะส่งตัวน้องเข้าสู่สถานสงเคราะห์หรือไม่ เพื่อให้ได้รับการฟื้นฟูและบำบัดสภาพจิตใจต่อไป..