
พรรคแรงงาน ซึ่งแนวคิดกลางซ้าย สามารถโค่นพรรคลิเบอรัลขึ้นมาเป็นพรรคฝ่ายค้านคู่ปรับสำคัญของพรรคอนุรักษ์นิยม เมื่อต้นทศวรรษ 1920 มีโอกาสได้ร่วมรัฐบาลครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1920 และได้เสียงข้างมากจนเป็นตัวหลักจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นครั้งแรก เมื่อคลีเมนต์ แอตต์ลี หัวหน้าพรรคฯ สามารถเอาชนะเซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล ของ อนุรักษ์นิยม หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
พรรคแรงงานกลับขึ้นสู่อำนาจในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 ภายใต้การนำของฮาร์โรลด์ วิลสัน แต่ความขัดแย้งระหว่างแรงงานกับนายจ้าง และการประท้วงเรียกร้องขึ้นค่าจ้างของสหภาพแรงงานในช่วงฤดูหนาวของปี 1978-1979 ทำให้พรรคแรงงานต้องกลับไปเป็นฝ่ายค้านต่ออีก 18 ปี
จนกระทั่งโทนี่ แบลร์ ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2540 และชนะต่อเนื่องรวมทั้งหมด 33 สมัย โดยอาศัยกลยุทธ์หาเสียงด้วยภาพลักษณ์ของพรรคแรงงานยุคใหม่ และเปิดรับบางส่วนของนโยบายตลาดเสรีที่แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมเคยใช้ด้วยพรรคแรงงานเป็นรัฐบาลครั้งล่าสุด ตั้งแต่ปี 2540-2553 ในสมัยของโทนี่ แบลร์ และกอร์ดอน บราวน์ และเริ่มเผชิญการลดลงของที่นั่งในสภา จาก 179 ที่นั่ง เหลือ 167ที่นั่ง เมื่อปี 2544 และเหลือเพียง 66 ที่นั่ง เมื่อปี 2548 ก่อนจะได้ที่นั่งกลับมาเป็น 232ที่นั่ง ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2558 และกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักอย่างเป็นทางการในสภา
แต่สถานการณ์ของพรรคฯ หลังจากการรณรงค์หาเสียงที่นำโดยนายเอ็ด มิลิแบนด์ ไม่ได้ผลตามคาดหมาย พรรคแรงงานยังคงพรรคใหญ่อันดับสองในสภา ด้วยจำนวน ส.ส. 229 คน ขณะที่จำนวนสมาชิกพรรค เมื่อเดือนมีนาคม ปีนี้ อยู่ที่ 517,000 คน เพิ่มขึ้นจาก 189,500 คนเมื่อเดือนธันวาคมปี 2013
เจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรค และจอห์น แม็คดอนเนล ผู้วางยุทธศาสตร์ของพรรค เชื่อว่า การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เห็นคอร์บินในอีกแง่มุมหนึ่ง คือ เป็นคนดีที่ทุ่มเทให้กับความยุติธรรมทางสังคม มากกว่าที่ประชาชนเคยได้เห็นกันตามภาพการ์ตูนล้อเลียนของสื่อฝ่ายขวา ที่หาว่าเขาเป็นนักการเมืองที่เชื่อมั่นในลัทธินิยมซ้ายในรูปแบบที่ห่างไกลจากความเป็นจริง แม้แต่เทเรซา เมย์ ก็ไม่ยอมประชันวิสัยทัศน์กับเขาทางโทรทัศน์
แม้การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่สามารถทำให้พรรคแรงงานคาดหวังถึงชัยชนะได้ถึง 100% แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องทำตามเป้าหมาย ซึ่งก็คือพยายามขัดขวางไม่ให้พรรคอนุรักษ์นิยมได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น เพื่อป้องกัน "การเซ็นเช็คเปล่า" ให้เทเรซา เมย์ ไปเจรจาเรื่องเบร็กซิทตามประสงค์ คือแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างสิ้นเชิง