svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"SL Music"แจ้งความ เพื่อนในวง-ผจก.ยักยอกเงินกว่า4แสนบาท

เชียงใหม่-สมาชิกวงดัง"SL Music"รองแชมป์ ไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์ ซีซั่น4 พร้อมทนาย โร่เข้าแจ้งความ หลังมือแซ็กฯ-ผจก.วง ยักยอกไม่ยอมจ่ายเงินค่าตัว ตั้งแต่ปลายปี 59 เป็นเงินรวมกว่า 400,000บาท อ้างนำเงินไปใช้จ่ายค่าต่างๆ ที่เกี่ยวกับวง แต่ไม่พบหลักฐานตามที่อ้าง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่ สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตัวแทนสมาชิกของวงดนตรีชื่อดัง SL Music รองชนะเลิศรายการ ไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์ ซีซั่น 4 อาทิ นายบัญชา ชุ่มศรี หรือไวท์ นักร้องนำ และนายกฤษดา มีทรัพย์ หรือบิ๊ก มือกลอง พร้อมด้วย จ.ส.ต.จักราวุธ คำยันต์ ทนายความ ได้เดินทางนำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.บูรฉัตร ขวัญคำ รอง ผกก.สส.สภ.แม่ปิง เพื่อดำเนินคดีกับ นายยงยุทธ์ ชาติไทย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการของวงดนตรี และนายธนพล กันทะกุมาร มือแซกโซโฟนของวง กรณีได้มีการยักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นค่าจ้างของสมาชิกในวงทั้งหมด รวมประมาณกว่า 400,000 บาทเศษ หลังทั้งสองคนดังกล่าวไม่ยอมจ่ายค่าจ้างและค่าตอบแทนให้กับสมาชิกในวงรวมประมาณ 20 กว่างาน นับเป็นเวลาหลายเดือน ประมาณตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 มาจนถึงเดือนเมษายน 2560

นายบัญชา ชุ่มศรี นักร้องนำวง SL MUSIC เปิดเผยว่า สำหรับการเดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ เพื่อต้องการที่จะดำเนินคดีกับนายยงยุทธ์ ชาติไทย ผู้จัดการของวงดนตรี SL MUSIC และอีกคนคือ นายธนพล กันทะกุมาร มือแซกโซโฟนของวง ซึ่งทั้งสองคนเป็นแฟนกัน สืบเนื่องจากทางตนและสมาชิกในวงจำนวนรวมกัน 6 คน ไม่ได้เงินค่าตัวที่ออกไปแสดงตามงานต่างๆ หรือได้มาก็ได้แบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่ตกลงกันไว้

โดยปัจจุบันสมาชิกของวง ที่เป็นศิลปินมี 5 คน คือตน นายบัญชา ชุ่มศรี หรือไวท์ นักร้องนำ,นายกฤษดา มีทรัพย์ หรือ บิ๊ก มือกลอง,นายสุรินทร์คทา ชุ่มศรี หรือเหิน มือเบส,นายบุญฤทธิ์ แก้วถา หรือไอซ์ กีต้าร์ และนายธนพล กันทากุมาร หรือเค้ก แซ็กโซโฟน รวมทั้งยังมีทีมงานคือ ซาวเอ็นจิเนียร์ และผู้ช่วย โดยได้รับนายยงยุทธ ชาติไทย มาช่วยเป็นผู้จัดการของวง เพื่อติดต่อประสานงานกับผู้สนใจว่าจ้าง และลำดับคิวงาน รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายและบัญชีของวง โดยเฉพาะการแจกจ่ายเงินค่าตัวให้กับสมาชิกของวง เนื่องจากนายยงยุทธ คบหาอยู่กับนายธนพล สมาชิกของวง และมีประสบการณ์เคยมีตำแหน่งผู้บริหารโรงแรมแห่งหนึ่ง และเป็นคนพูดเก่ง จึงได้ไว้ใจ ซึ่งก็ทำงานกันอย่างราบรื่นมาโดยตลอด

"ในระยะหลังๆ กลับพบว่าเงินที่ได้จากการแสดงกลับได้มาทีละนิดทีละหน่อย กระทั่งทุกคนในวง เริ่มรู้สึกได้ในช่วงเดือน ตุลาคม 2559 เมื่อนายยงยุทธ และนายธนพล ไม่มีการจ่ายค่าจ้างตามที่สมควรได้ และมีการบ่ายเบี่ยง ผัดวันประกันพรุ่งหลายครั้ง แต่ยังคงติดต่อรับงานและรับค่าจ้างจากผู้ว่าจ้างเข้าบัญชีของนายธนพลซึ่งใช้เป็นบัญชีรับโอนเงินของวง ตามปกติ แต่กลับไม่ยอมนำออกมาแบ่งให้คนอื่นในวง จนกระทั่งในการประชุมวงครั้งล่าสุดทาง นายยงยุทธ์ ผู้จัดการของวงได้แจ้งในที่ประชุมว่าเงินที่จะจ่ายค่าจ้างให้กับสมาชิกในวงไม่เหลือเลย"นายบัญชา กล่าว

ทั้งนี้ ทางตนและสมาชิกในวงก็สงสัยว่าทำไมเงินถึงหมดทั้งๆ ที่ตนและสมาชิกไม่เคยเบิกล่วงหน้าเลยแม้แต่บาทเดียว แต่ทางนายยงยุทธ์ ก็อ้างว่าได้นำเงินของวงไปใช้จ่ายค่าต่างๆ ที่เกี่ยวกับวง อาทิ ค่าภาษีอากร และค่าอื่นๆ แต่จากการที่ตนและสมาชิกได้ไปทำการตรวจสอบตามที่ทางนายยงยุทธ์ ได้แจ้งมาก็พบว่าไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินตามที่ได้แอบอ้างมาแต่อย่างใด โดยมีพยานเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ที่พบว่ามีการชำระเพียงแค่ปีเดียวคือปี 2557 ไม่ถึง 1,000 บาท ขณะเดียวกันเงินที่ทางสมาชิกของวงยังไม่ได้นั้น มีมูลค่ารวมกันประมาณ 400,000 บาทเศษ โดยคิดระยะเวลาเริ่มตั้งแต่ปลายปี 2559 ยาวมาจนถึงงานครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2560 ที่ผ่านมา ที่ไม่ได้เงินค่าจ้างเลยแม้แต่บาทเดียว หลังจากนั้น สมาชิกที่เหลือในวงจึงได้ตัดสินใจ ติดต่อรับงานด้วยตนเองโดยไม่ผ่านผู้จัดการเหมือนเดิม

นอกจากนี้ทางคู่กรณียังบอกว่าจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้างทั้งหมด แถมจะให้ตนหาเงินมาจ่ายให้กับสมาชิกในวง เนื่องจากอ้างว่าเงินทั้งหมดได้นำไปจ่ายชำระเกี่ยวกับวงหมดแล้ว จึงทำให้ตนเกิดความสงสัยว่าจะต้องไปหาเงินที่ไหนมาจ่าย ในเมื่อเงินที่ควรได้จากการแสดงที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ และยังมีเงินจากการที่ตนได้ไปแสดงผ่านช่องโทรทัศน์อีกจำนวนหลายหมื่นบาทที่ยังไม่ได้เช่นกัน เมื่อทางตนสอบถามไปทั้งคู่ก็มีท่าทางบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมจ่ายให้ และเวลาขอเบิกงานก็อ้างว่าได้นำเงินไปชำระค่าต่างๆ บ้างจนไม่พอให้เบิก แต่ล่าสุดกลับได้ข้อมูลมาว่าทั้งสองคนได้มีการซื้อคอนโดใหม่ราคาแพงอยู่ด้วยกันแล้ว อย่างไรก็ตามทางตนและคนในวงจึงได้หารือกันและตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังการเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จสิ้นแล้วนั้น ทางด้าน จ.ส.ต.จักราวุธ คำยันต์ ทนายความ ได้ระบุว่า เบื้องต้นหลังการแจ้งข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้แสดงหลักฐานทั้งหมดให้ดูแล้วนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว ส่วนการจะดำเนินคดีกับทั้งสองคนที่เป็นคู่กรณีนั้นต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเรียกสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้น และจากการรวบรวมหลักฐานมาตรวจสอบหากพบว่าทั้งคู่มีความผิดเข้าข่ายฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์จริงก็จะได้มีการออกหมายเรียกคู่กรณีทั้งสองคน เพื่อให้มารายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ได้มีการออกหมายไป เพื่อให้ทั้งสองมาทำการชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ถ้าหากมีการออกหมายเรียกแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่มารายงานตัวก็ต้องออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนั้นยังเตรียมตรวจสอบเพิ่มเติมว่า คู่กรณีเข้าข่ายมีความผิดข้อหาปลอมแปลงเอกสารหรือไม้ เพื่อที่จะแจ้งความเพิ่มเติมต่อไป