ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบจากกรณี เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2560 ที่ผ่านมา คณะศรัทธาญาติโยม ในชุมชนวัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จำนวนร่วมครึ่งร้อย ได้ร่วมกันขับไล่พระมหาระวีวัฒน์ ธัมมวัฑฒโน อดีตเจ้าอาวาสวัดพระเจ้าเม็งราย โดยมีป้ายเขียนข้อความเชิงขับไล่ติดอยู่เต็มวัด เนื่องจากชาวบ้านแจ้งว่า ตลอดเวลาที่ พระมหาระวีวัฒน์ ทำหน้าที่เจ้าอาวาสตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา ศรัทธาผู้เลื่อมใสวัดมีแต่ถดถอยลง และยอดเงินกฐิน 3 ปี ในช่วงปี 2553-2555 ปีละ3แสนบาท รวม 9 แสนบาทหายไปโดยไม่ได้นำไปพัฒนาวัด และไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้ รวมทั้งมีเงินบริจาคที่จะสร้างห้องน้ำ จำนวนกว่า2 แสนบาท ถูกกดออกจากบัญชี โดยที่ไม่ได้มีการสร้างห้องน้ำตามเป้าหมาย และชาวบ้านเชื่อว่าพระพุทธรูปเก่าแก่ประจำวัด อายุกว่า 500 ปี เนื้อนาค หน้าตักประมาณ 9 นิ้ว ประเมินค่าไม่ได้ หายไปจากวัด โดยเมื่อสอบถามพระมหาระวีวัฒน์ ก็อ้างว่าไม่หายได้เก็บไว้จะนำออกมาพิสูจน์ให้ประชาชนภายหลังแต่ก็ไม่เคยนำออกมาให้เห็นตั้งแต่ ปี2555 เป็นต้นมา
ทางชาวบ้านก็ได้ร้องเรียนไปทางคณะสงฆ์ประจำตำบล และได้มีการตั้งคณะสงฆ์ตรวจสอบ โดยได้ถูกคณะสงฆ์เชียงใหม่สั่งพักการเป็นเจ้าอาวาสไม่มีกำหนดหลังถูกร้องเรียนตั้งแต่ ปี 2555 ซึ่งจวบจนปัจจุบันทางพระมหาระวีวัฒน์ อดีตเจ้าอาวาสก็ไม่เคยมีการชี้แจงหลักฐานของการใช้เงินหลักล้านบาทที่หายไป และพระพุทธรูปอายุ 500 ปีที่หายไปแต่อย่างใด โดยย้ายไปจำวัดอยู่ตามสำนักสงฆ์อื่นๆ ในจ.เชียงใหม่ กระทั่ง เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560 คณะสงฆ์อำเภอเมืองเชียงใหม่ได้แต่งตั้งให้พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน พระอารามหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระเจ้าเม็งราย ที่ได้มาบูรณะและพัฒนาวัดจนมีศรัทธากลับมาเข้าวัดอีกครั้ง กระทั่งชาวบ้านได้มีการรวมตัวอีกครั้งเพื่อเรียกร้องให้มีการชี้แจงเงินบริจาค และพระพุทธรูปที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านที่หายไปเมื่อ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (5 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากผู้ที่ยังศรัทธาพระมหาระวีวัฒน์ ธัมมวัฑฒโน อดีตเจ้าอาวาสวัดพระเจ้าเม็งราย ว่าพระมหาระวีวัฒน์ จะขอนัดสื่อมวลชนแถลงข้อเท็จจริงกรณีถูกยึดวัด ที่วัดอุโมงค์สวนพุทธรรม ในเวลา 14.00น. แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึง ก็พบว่ามีคณะศรัทธาพระมหาระวีวัฒน์ จำนวนกว่า 20 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ได้มานั่งรอพระมหาระวีวัฒน์ อยู่ภายในบริเวณวัด
กระทั่งต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ปรากฏตัวกลุ่มคณะศรัทธาวัดพระเจ้าเม็งรายฝ่ายที่ต่อต้านและเคลือบแคลงในตัวพระมหาระวีวัฒน์ เดินทางมาในบริเวณเดียวกัน จำนวนกว่า 20 คน นำโดยนายจำลอง ภูมิวิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุเช่นกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีความเชื่อของตนเองและเกือบมีการวิวาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ ก็ได้เดินทางมาควบคุมสถานการณ์เช่นกัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างทยอยแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีการทะเลาะวิวาทกันแต่อย่างใด ซึ่งจวบจนเวลา 15.00น. ก็ยังไม่มีการปรากฏตัวของ พระมหาระวีวัฒน์ แต่อย่างใด
ทางฝ่ายผู้ต่อต้าน นำโดยนายจำลอง ภูมิวิเศษ เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลมาว่าจะมีการแถลงข่าวโดยพระมหาระวีวัฒน์ ที่วัดอุโมงค์ฯ จึงได้พากันเดินทางมาเพื่อรับฟังเช่นกัน ไม่ได้มีเป้าหมายจะสร้างความแตกแยก หรือก่อความเดือดร้อนแต่อย่างใด เพราะต่างเป็นผู้ที่เคารพศรัทธาพระพุทธศาสนาเช่นกัน และต่างคนต่างก็อยู่ในชุมชนใกล้วัดพระเจ้าเม็งรายเคารพศรัทธาทำนุบำรุงวัดกันมา ไม่ต่ำกว่า 30-40ปี จึงอยากจะให้มีการชี้แจงยอดเงิน และพระที่หายไปเพื่อคลายความกังวลสงสัยของชาวบ้านเสียที
แต่เมื่อมาถึง ก็พบว่าไม่มีการปรากฏตัวของพระมหาระวีวัฒน์ แต่อย่างใด ซึ่งพวกตนก็ตั้งข้อสงสัยแต่แรกแล้วว่า เหตุใดเรื่องเกิดที่วัดพระเจ้าเม็งราย แต่กลับต้องมาแถลงข่าวกันที่วัดอุโมงค์ ซึ่งอยู่ห่างกันมากกว่า 5 กิโลเมตร หากมีเจตนาบริสุทธิ์แต่แรกก็ควรจะชี้แจงและแจกแจงการขาดหายของเงินตั้งแต่ 5 ปีก่อนแล้ว และเป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ว่า ถูกหลอกให้เสียเวลาเปล่าประโยชน์ ไม่มีการปรากฏตัวของพระมหาระวีวัฒน์ อีกเช่นเคยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลา 14.45น. สถานการณ์เริ่มบานปลาย หนึ่งในคณะศรัทธาวัดพระเจ้าเม็งราย ฝ่ายต่อต้านพระมหาระวีวัฒน์ ที่เป็นหญิงวัย45-50 ปี คนหนึ่ง เริ่มเกิดอารมณ์ปะทุ และส่งเสียงโวยวายเรียกร้องให้พระมหาระวีวัฒน์ ออกมาปรากฏตัว รวมทั้งนำเงินและพระพุทธรูปมาคืน ทั้งยังถามไปยังผู้ที่ยังศรัทธาในตัวพระมหาระวีวัฒน์ ว่าเหตุใดจึงยังคงศรัทธาในพระรูปนี้ นอกจากนั้นก็ยังชี้แนะว่า ในเมื่ออยู่เป็นเจ้าอาวาสเกือบ 30 ปี แต่วัดมีแต่เสื่อมโทรมก็ควรย้ายไปอยู่ในวัดป่าห่างไกลแต่แรก ซึ่งทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียด จนเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งต้องมาห้ามปราม จนเกิดการมีปากเสียงระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเกือบบานปลายอีกด้วย