
3 สาวผู้ต้องหาคดีนี้ ดังข้ามคืน จากรูปลักษณ์หน้าตาที่ดึงดูดใจเสือป่า จนถูกขนานนามว่าเป็นแก็ง "สวยสังหาร" รวมถึงพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม ต่างทำให้สังคมตั้งคำถามว่า "3 สาวนี้ลงมือสังหารหั่นศพได้อย่างไร"
ส่วนหนึ่งในโลกออนไลน์ กลับดึงความดังของคดีนี้ ไปใช้ในทางที่ไม่ควร และตอกย้ำความซ้ำใจของครอบครัวผู้เสียชีวิตและกลุ่มญาติพี่น้องของผู้ต้องหา ที่รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น
การใช้คำพูดคุยล้อเลียนในโลกออนไลน์อย่างไม่เหมาะสม เช่น "เรียกชื่อเปรี้ยวหน่อย" "รับสายเปรี้ยวหน่อย" "ขอออกไปกินข้าวกับเปรี้ยวหน่อย" ขำขันกันไปต่างๆ นาๆ
นอกจากนี้หลังการจับกุม กลับมีภาพถ่ายของนายตำรวจ ที่ถ่ายภาพกับ "เปรี้ยว เอิร์น และแจ้" ในอิริยาบถที่ผ่อนคลาย ยิ้มแย้ม ไม่ใส่ได้กุญแจมือ แต่งหน้าทำผม รวมถึงผู้ต้องหาสูบบุหรี่ จนทำให้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง แม้ รอง ผบ.ตร. จะเชื่อว่าเป็น จิตวิทยา ของตำรวจ เพื่อผ่อนคลายให้ผู้ต้องหาเปิดเผยข้อมูล แต่คนในสังคมไม่น้อยที่มองว่าไม่เหมาะสม !
มิหนำซ้ำเหล่าพ่อค้าแม่ขาย โลกออนไลน์ ก็เกาะกระแสฉวยโอกาสนี้ เป็นช่องทางค้าขายสินค้า ที่เปรี้ยวและเพื่อนผู้ต้องหาใช้ ไม่ว่าจะเป็น ถุงผ้าห่ม หมวก เสื้อผ้า แว่นตา รองเท้า กระทั่งขนมที่ผู้ต้องหากิน
ลืมไปหรือเปล่าว่า "เปรี้ยว เอิร์น แจ้" เป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดี "ฆ่าหั่นศพ" และถูกแจ้ง 3 ข้อหา 1.ร่วมกันฆ่า 2.อำพรางศพ 3.ปล้นทรัพย์ ซึ่งเป็นคดีร้ายแรง โหดเหี้ยม อำมหิต กระทบต่อสภาพจิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างหนัก หรือแม้ครอบครัวของผู้ต้องหา ที่ทั้งสองฝ่ายต่างรับไม่ได้และไม่อยากให้เกิดขึ้น
สิ่งที่น่ากังวลจากปรากฎการณ์ "สวยสังหาร" ครั้งนี้ อาจทำให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบ หรือนำบุคคลเหล่านี้ มาเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตประจำวันในทางที่ผิด
โดยเฉพาะการทำงานของสื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ที่บังคับใช้กฎหมาย ควรนำมาเป็นบทเรียนอย่างระมัดระวัง
เพราะอาจทำให้คนในสังคมสับสนว่า สิ่งไหนถูกผิด หรือ สิ่งไหนควร ไม่ควร อาจเป็นผู้ซ้ำเติมสถานการณ์อย่างไม่ตั้งใจ และทำให้ผู้คนไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย