svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รวบหนุ่มหื่น แอบถ่ายใต้กระโปรงนร.

เชียงใหม่-จับพ่อค้าเสื้อผ้ามือสอง แอบถ่ายใต้กระโปรงนักเรียนหญิง ขณะแฟนสาวบันดาลโทสะถึงขั้นตบหน้าแฟนหนุ่ม หลังถูก ตร.ตามจับได้ถึงห้องพัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบจากที่ก่อนหน้านี้ ไลน์กลุ่ม @191Chiangmai เผยแพร่คลิปภาพเตือนภัย และตามหาเบาะแสชายหนุ่มคนหนึ่งที่แอบถ่ายใต้กระโปรงนักเรียนหญิง ขณะกำลังเลือกซื้อหนังสืออยู่ภายในร้านหนังสือของศูนย์การค้าแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยหลังจากนั้น นักเรียนสาวผู้เสียหายก็ได้นำหลักฐานเป็นคลิปภาพจากร้านหนังสือเข้าแจ้งความ ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ทางชุดสืบสวนก็ได้ออกติดตามหาชายที่ปรากฏพฤติกรรมในภาพ โดยแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด ภายในศูนย์การค้าที่เกิดเหตุ และเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขแห่ง หนึ่งในอพาร์ตเม้นท์ ฝั่งตรงข้ามกับศูนย์การค้าดังกล่าว พร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และ คอมพิวเตอร์โนตบุ๊ค 1 เครื่องพ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหารายนี้ คือ นายสุดเขต แสงจันทร์ศรี อายุ 39 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้ามือสอง ซึ่งหลังถูกจับกุมได้ก็ให้การรับสารภาพ ว่าในวันดังกล่าวได้เข้าไปเดินเล่นในศูนย์การค้า กระทั่งพบเด็กนักเรียนหน้าตาน่ารัก นุ่งกระโปรงสั้น จึงอดใจไม่ไหวเดินตามไปที่ร้านหนังสือ และหาจังหวะใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายใต้กระโปรง โดยบอกว่าทำเป็นครั้งแรก และจะเก็บไว้ดูคนเดียวไม่ได้นำไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์แต่อย่างใด

รวบหนุ่มหื่น แอบถ่ายใต้กระโปรงนร.

ซึ่งหลังจากที่มีข่าวเผยแพร่ตามสื่อ นายสุดเขต ก็ได้ลบภาพออกจากมือถือแล้ว เพราะรู้สึกอับอายและกลัวความผิด แต่สุดท้ายก็ถูกตำรวจตามจับได้ในที่สุด ขณะที่แฟนสาวของนายสุดเขตเมื่อทราบข่าวก็ถึงกับโมโหทำร้าย นายสุดเขตด้วยการตบไปหลายทีเช่นกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งได้รับโทษทางกฎหมายโดย ถูกเปรียบเทียบปรับในข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะและกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่นให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ คดีละ 5,000 บาท รวม 2 คดี 10,000 บาท ก่อนทำประวัติและปล่อยตัวไปแล้วอย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในลักษณะนี้ เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่เป็นภัยสังคมร้ายแรง โดยหลังจากนี้จะไม่มีการเปรียบเทียบปรับแล้ว แต่ตำรวจจะส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีให้เกิดความหลาบจำและมีประวัติติดตัวจะได้ไม่ก่อเหตุซ้ำอีก