
ยานอวกาศโคจรผ่านระหว่างวงแหวนดาวเสาร์และชั้นบรรยากาศบนสุดดาวเมื่อวันพุธ โดยช่องว่างในส่วนนี้อยู่ที่ประมาณ 2 พัน 400 กิโลเมตร โดยยานเดินทางผ่านช่องว่างนี้ด้วยความเร็วราว 123,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
งานนี้ ยานอวกาศใช้เสาอากาศรูปกระทะเป็นเสมือนเกราะป้องกันอนุภาคใดๆ ก็ตามที่อาจจะเดินทางผ่านพื้นที่ดังกล่าว และอาจจะมาชนยานได้ เพราะแม้เพียงอนุภาคขนาดเล็ก ก็อาจทำให้ยานเสียหายได้ แต่การใช้เสาอากาศในลักษณะนี้ ก็ทำให้ยานไม่สามารถติดต่อกับโลก เพราะเสาอากาศหันไปด้านอื่น
ยานได้รับการตั้งโปรแกรมให้เก็บข้อมูลขณะเดินทางเข้าใกล้ดาว จากนั้นมันก็จะหันมาหาโลก และก็จะกลับมาติดต่อกบโลกอีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำสำเร็จหลังการเดินทางราว 20 ชั่วโมง
โดยหนึ่งในภาพที่มันส่งกลับมา เป็นภาพภายุเฮอริเคนขนาดยักษ์ และภาพชั้นบรรยา กาศของดาวที่ถูกถ่ายใกล้ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
สำหรับภารกิจ Grand finale ยานจะโคจรรอบดาวเสาร์ในลักษะนี้รวม 22 รอบ ทำให้มันเข้าไปใกล้พื้นผิวของดาวเข้าไปเรื่อย ๆ ก่อนจะตกลงสู่ชั้นบรรยากาศของดาวที่เต็มไปด้วยก๊าซในเดือนกันยายนตามแผน ซึ่งจะเป็นการปิดฉากภารกิจอย่างสวยงาม
ภารกิจมูลค่า 3,200 ล้านดอลล่าร์ของ Cassini เริ่มต้นในปี 2540 โดยมันเป็นโครงการความร่วมมือร่วมกันของสำนักงานอวกาศและการบินสหรัฐหรือนาซ่า สำนักงานอวกาศยุโรป และสำนักงานอวกาศอิตาลี มันโคจรรอบดาวเสาร์ตั้งแต่ปี 2547 และส่งภาพถ่ายกลับมามากมาย
Our closest look ever at #Saturns atmosphere and giant hurricane. #GrandFinale https://t.co/giL0pulIEW pic.twitter.com/Qi3T2wSzc1
CassiniSaturn (@CassiniSaturn) April 27, 2017