svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

อ.อ.ป.เปิดตลาดกลางค้าไม้ทั่วประเทศ

องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เร่งเดินหน้า "โครงการตลาดกลางค้าไม้ ระยะ 5 ปี" ด้วยการรับซื้อและขายไม้จากราษฎรที่ปลูกสวนป่าไม้สักทอง ให้มีตลาดกลางราคายุติธรรมไม่ถูกกดราคา

นายพิชัย รุจิโรจน์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) กล่าวว่า องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ได้ทำ "โครงการตลาดกลางค้าไม้" ระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560 2564 เพื่อเป็นตัวกลางการรองรับตลาดการค้าไม้ในอนาคต โดยทำหน้าที่เป็นตลาดกลางรับซื้อหรือจำหน่ายไม้ท่อน ไม้ฟืน เศษไม้ และผลิตภัณฑ์ไม้จากสวนป่าเศรษฐกิจ รวมทั้ง สร้างโอกาส สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ให้ความสะดวกและเพิ่มช่องทางในการซื้อขายไม้ในราคายุติธรรมกับเกษตรกรที่ปลูกสวนป่าเศรษฐกิจ ด้วยการกำหนดแผนการจัดตั้งตลาดกลางตามเขตภูมิภาค คือ ตลาดกลางค้าไม้ภาคเหนือตอนบน , ตลาดกลางค้าไม้ภาคเหนือตอนล่าง , ตลาดกลางค้าไม้ภาคกลาง , ตลาดกลางค้าไม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ , ตลาดกลางค้าไม้ภาคใต้ และตลาดกลางค้าไม้วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เพื่อทำให้เกษตรกรสนใจและเข้าร่วมโครงการฯอย่างน้อย 200 คน ซึ่งกรณีของ นางติ๋ว ฤทธิ์เดช ราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นรายแรกที่ อ.อ.ป.เข้าไปรับซื้อและช่วยขายไม้สักทองที่ราษฎรปลูกเอง 1,180 ต้น เพื่อนำเงินเป็นค่าเทอมของบุตรสาวที่กำลังศึกษาอยู่ประเทศโปแลนด์ โดยไม้สักแปลงนี้ปลูกในที่ดิน ส.ป.ก. 4 10 เมื่อปี 2537 อายุไม้สักทอง 22 ปี และได้รับการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า มีเนื้อที่ 17 ไร่ และได้รับการทำไม้ตัดสางขยายระยะมาแล้ว 2 ครั้ง ที่ผ่านมาได้มีผู้ติดต่อขอซื้อไม้ในราคา 200,000 300,000 บาทเท่านั้น ทำให้ อ.อ.ป. เข้าประเมินมูลค่าไม้สักทองตามอัตราการจำหน่ายไม้สักท่อนของ อ.อ.ป. และรับซื้อไม้ในราคา 700,000 บาท ซึ่งราคานี้เป็นที่ยอมรับของทั้ง 2 ฝ่าย ปัจจุบัน อ.อ.ป. ได้ดำเนินการตัดไม้และขนย้ายไม้แล้วนำไม้ออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว

รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้ที่ปลูกไม้สักทองหลายรายได้รับความเดือดร้อนเรื่องราคาไม้ เมื่อจะนำไม้ออกมาใช้ประโยชน์มักจะมีขั้นตอนเรื่องของกฎหมายที่ค่อนข้างยุ่งยาก ที่สำคัญไม่มีตลาดกลางในการรับซื้อไม้และราคาไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกษตรกรมักจะตัดสินใจขายไม้ในราคาต่ำ ทำให้ส่งผลกระทบด้านลบกับนโยบายเพิ่มป่าเศรษฐกิจภาคเอกชนของรัฐบาล ด้วยการปลูกสร้างสวนป่าเศรษฐกิจให้ได้ร้อยละ 15 ของพื้นที่ประเทศ