สืบเนื่องจากเมื่อวันที่28 พ.ย. 55 นางพเยาว์ และนายสมจิตร พันขุนทด สองสามีภรรยา ถูกนายวิรัช จุลสันเทียะ พร้อมด้วย นางพัฒน์นรี แทนขุนทดได้หาคนเข้าทำงานที่ อบต.ตะเคียน ให้นายเดชอดุลย์ อ่อนคำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะเคียนโดยอ้างว่านายเดชอดุลย์ ช่วยให้เข้างานภายใน อบต.ตะเคียนได้ โดยขอค่าใช้จ่ายในการดำเนินการช่วยเหลือเข้างานรายละ 250,000 บาท ซึ่งนายสมจิตรและนางพเยาว์ ต้องการให้ น.ส.พนิดา พันขุนทด บุตรสาว การศึกษาระดับปริญญาตรี ได้กลับทำงานใกล้บ้าน จึงยอมเสียเงิน ให้แก่ นายเดชอดุลย์ โดยจ่ายเงินที่บ้านนาง พัฒน์นรี โดยทำหนังสือสัญญา
แต่ผ่านไป 2 ปี นาย เดชอดุลย์ นำคนเข้าทำงานเป็นจำนวนมากส่วน น.ส.พนิดา กลับไม่ได้เข้าทำงาน สองสามีภรรยาจึง ทวงเงินคืน กลับบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ด่านขุนทด และพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ความผิดดังกล่าว เป็นการกระทำของเจ้าพนักงาน จึงได้ส่งเรื่องให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณา ต่อมาได้รับหนังสือ ป.ป.ช.ที่ ปช.034(นม)/00.23 ลงวันที่ 13 ม.ค.2560 คณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วมีมติเห็นชอบ ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรด่านขุนทด ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามมาตรา 89/2 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2552 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2 พ.ศ.2554 ซึ่งนายเดชอดุลย์ นาง พัฒน์นรี และนายวิรัช มีความผิด
เมื่อวันที่24มีนาคม 2560 ร.ต.อ.กุศล แก้วสารพัดนึก พนักงานสอบสวน สภ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ส่งฟ้องในคดีที่ 25/2560กล่าวหาว่า นายเดชอดุลย์ อ่อนคำ อายุ 45 ปี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะเคียน อ.ด่านขุนทด ผู้ต้องหาที่ 1 นางพัฒน์นรี แทนขุนทดอายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 222 หมู่ 12 ต.ตะเคียนผู้ต้องหาที่ 2 และนายวิรัช จุลสันเทียะ อายุ 50 ปีผู้ต้องหาที่ 3 เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการ อย่างหนึ่งอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้น จะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบเพื่อก่อให้เกิด ความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
นายสมจิตร กล่าวว่า ต้องการให้บุตรสาวกลับมาอยู่บ้านมาทำงานใกล้บ้านเพื่อจะได้ดูแลพ่อแม่ จึงให้ลูกสาวออกจากงานประจำ คิดว่าจะได้เข้าทำงานง่ายๆ กลับไม่ได้เข้าทำงาน ขอเงินคืนแต่กลับเบี่ยงไปเบี่ยงมา ทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน
นายทวี ทองแถว ชาวบ้านที่จ่ายเงินหวังได้ทำงานใน อบต. กล่าวว่า นายกอบต. อ้างว่าปี55สามารถเข้ามาทำงานได้ โดยไม่ต้องสอบแข่งขัน จึงตัดสินใจตกลงจ่ายเงิน จำนวน250,000บาท โดยการทำสัญญาเพื่อเป็นหลักประกัน ตนจึงมั่นใจว่าลูกต้องเข้าทำงานได้ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเป็นปี กลับไม่มีความคืบหน้า ได้ทวงถามขอเงินคืน แต่บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ด่านขุนทด ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นสอบสวนของ ปปช.หลังจากที่เป็นหนี้จากการเสียเงินให้กับนายก ชีวิตเปลี่ยนได้รับความลำบากมาก พืชไร่ราคาไม่ดี ลูกสาวไม่มีงานทำ หนี้สินก็ยังพะรุงพะรัง