รองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "CLMVพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของเอเชีย" โดยระบุว่า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าความมั่นคงขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ยุโรป แต่อยู่ที่เอเชีย ซึ่งจะเป็นตัวหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจโลกในอนาคต โดยกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซป จะมาแทนที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือทีพีพี
เครื่องจักรหลักของอาร์เซปคืออาเซียน 10 ประเทศ ซึ่งเป็นตัวเชี่อมกับอีก 6 ประเทศให้เกิดเขตการค้าเสรีที่เข้มแข็ง สามารถแข่งขันทางการค้าทั้งกับจีนและสหรัฐได้ แกนหลักของอาเซียนคือกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และไทย หรือซีแอลเอ็มวีที
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม อุตตม สาวนายน บอกว่า มีนักลงทุนระดับโลกทั้งในประเทศและต่างประเทศ แสดงความสนใจลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรืออีอีซี เช่น โรลส์รอยซ์ แอร์บัส กลุ่มอีคอมเมิร์ช หุ่นยนต์ รถไฟ รถยนต์ และอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งเป็นโรดแมปให้ประเทศไทยเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้องบนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ผู้ประกอบการไทยจึงต้องปรับตัวยกระดับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้แข่งขันกับประเทศอื่นได้
ด้านผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กอบศักดิ์ ภูตระกูล ระบุ กลุ่มซีแอลเอ็มวีทีเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ เป็นตลาดที่กำลังเติบโต และเป็นโอกาสที่กำลังเกิดขึ้น ไทยต้องมุ่งหาโอกาสทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อช่วยพัฒนาระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ด้านการค้าที่ต้องเป็นหนึ่งเดียวเกิดการเชื่อมโยง ซึ่งรัฐบาลไทยพยายามสร้างการเชื่อมโยงเส้นทางที่สำคัญ เช่น แม่สอด - ย่างกุ้ง เพื่อให้เกิดการขนส่งสินค้าต่อไปจนถึงเวียดนาม รวมทั้งพิจารณาเปิดด่านการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นใน จ.แม่ฮ่องสอน
จุดเด่นของซีแอลเอ็มวีทีคือการเป็นสะพานเชื่อมไปยังประเทศข้างเคียง ประเทศที่น่าสนใจคือบังคลาเทศ ที่มีประชากรสูงถึง 160 ล้านคน เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยปีละ 7-8% เมื่อรวมกับซีแอลเอ็มวีที จะมีประชากรรวมกันกว่า 400 ล้านคน ซึ่งหัวใจสำคัญของซีแอลเอ็มวีทีคือการเป็นตลาดที่ใหญ่ เกิดโอกาสทางธุรกิจ หากแยกรายประเทศ บริษัทต่างชาติจะไม่เห็นคุณค่า ไม่มีความน่าสนใจเพียงพอ แต่ถ้ารวมกันจะน่าสนใจมาก